Home »
Uncategories »
เรื่องราวของ เด็กหนุ่มไฟแรง จบใหม่ๆ ไปสมัครงาน แต่เขาโดนให้ไปล้างมือแม่ หลังจากสัมภาษณ์งาน มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เรื่องราวของ เด็กหนุ่มไฟแรง จบใหม่ๆ ไปสมัครงาน แต่เขาโดนให้ไปล้างมือแม่ หลังจากสัมภาษณ์งาน มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เรื่องราวของ เ ด็ ก หนุ่มไฟแรง จบใหม่ๆ ไปสมัครงาน แต่เขาโดนให้ไปล้างมือแม่ หลังจากสัมภาษณ์งาน มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา
มีเรื่องราวของหนุ่มที่เรียนจบใหม่มาเล่าให้อ่านกัน
ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วซึ้งมากก็ว่า เ ด็ ก หนุ่มคนนี้มีผลการเรียนดี
ทำเกรดได้ยอดเยี่ยมแล้วเขาก็ไปสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการกับบริษัทแห่งนึ่ง
และหลังจากที่เขาได้ผ่านการสัมภาษณ์ครั้งแรกแล้ว
ทางด้านผู้อำนวยการก็เรียกเขาเข้าไปสัมภาษณ์งานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะรับเขาหรือไม่
เรื่องราวเป็นอย่างไรมาติดตามกันเลย
เมื่อเขาเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ทางด้านผู้อำนวยการก็ดูประวัติเขาว่าเป็นคนที่เรียนดีมาก
ดีสุด ๆ ในทุกรายวิชาเลย
โดยประวัติการเรียนดีมาตลอดตั้งแต่สมัยประถมศึกษาจนเรียนจบมหาวิทยาลัย
แล้วผู้อำนวยการก็ถามคำถามแรกว่า “เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ? ”
เ ด็ ก หนุ่มเมื่อได้ฟังก็ตอบว่า “ไม่เคยครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม”
เ ด็ ก หนุ่มตอบว่า “คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน”
เ ด็ ก หนุ่มตอบว่า “คุณแม่ทำงานซักรีด” ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา เ ด็ ก หนุ่มยื่นมือที่เรียบลื่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการดู
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า”
เขาตอบว่า “ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะๆ คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด้วยครับ”
ผู้อำนวยการบอกว่า “ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ
วันนี้เธอกลับไปที่บ้านช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า”
ด้วยความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมากเมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขาจึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา
ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจระคนหวั่นใจเธอส่งมือให้ลูก หนุ่มน้อยค่อยๆ
ล้างมือให้แม่ แล้วน้ำตาไหลก็ออกมา
เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้นช่างเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยขูดข่วน
ซึ่งบาง แ ผ ล พอโดนล้างน้ำก็ทำให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก
นี่เป็นครั้งแรกที่ เ ด็ ก หนุ่มตระหนักรู้ว่า
มือคู่นี้เองที่ซักผ้าทุกวันเพื่อหารายได้มาส่งเสียให้เขาได้เล่าเรียน รอย แ
ผ ล เหล่านี้คือราคาที่แม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา
เพื่อผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเขา และอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้วย
คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกันอยู่นาน
เช้าวันต่อมา เ ด็ ก หนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเขา จึงถามขึ้นว่า “ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร”
เ ด็ ก หนุ่มตอบว่า “ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจน เสร็จ”
ผู้อำนวยการบอกว่า “ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง”
เ ด็ ก หนุ่มตอบ “ข้อที่หนึ่ง
ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า
สำนึกในบุญคุณถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วยข้อที่สอง
จากการช่วยแม่ทำงานว่า
ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง
ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความผูกพันในครอบครัว”
ผู้อำนวยการจึงบอกว่า “ นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ
ฉันอยากได้คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ
อยากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบากของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่างและอยากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงินเป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียวมาเป็นผู้จัดการให้ฉันเป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน
”
ในเวลาต่อมา
เขาก็ได้ทำงานอย่างหนักและได้รับความนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา
ลูกจ้างทุกคนทำงานเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง
กิจการของบริษัทก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี เ ด็ ก
ที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัยได้ รับทุกอย่างที่ต้องการ
จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก
เขาจะไม่สนใจความเหนื่อยยากของพ่อแม่ เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาดหวังว่า
ใครๆ จะต้องเชื่อฟังเขา เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ
เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาลูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร และมักจะโทษคนอื่นคน
ลักษณะนี้เขาอาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหนึ่ง
แต่ในที่สุดแล้ว เขาจะไม่สำเหนียกคุณค่าของความสำเร็จ หากยังคงคร่ำครวญ
เคียดขึ้ง
และไม่มีวันรู้สึกเพียงพอถ้าเราเป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้
จงถามตัวเราว่า เรากำลังให้ความรักกับลูก หรือ กำลังทำลายเขากันแน่ ?
เราให้ลูกๆ มีบ้านใหญ่ๆ อยู่กินอาหารดีๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย หลังอาหาร
ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเองพร้อมๆ กับพี่ๆ น้องๆ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้
แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี เราอยากให้เขาเข้าใจว่า
ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย
วันหนึ่งก็จะต้องผมขาวแก่เฒ่าลงไปเหมือนกับแม่ของหนุ่มคนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้
คือ รู้คุณค่าของความพยายาม ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไง
และได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น
เมื่อได้อ่านเรื่องราวของ เ ด็ ก
หนุ่มคนนี้แล้วลองมองย้อนกลับมามองตัวคุณเอง
ว่าที่คุณมีในทุกวันนี้เพราะใคร
เขาเหล่านี้ต้องเหน็ดเหนื่อยและผ่านอะไรมาบ้างเพื่อความสำเร็จของคุณ
โดยเฉพาะคนในครอบครัวของเรา จะมองข้ามไปไม่ได้เลย สิ่งที่มีค่าจริงๆ
นั้นอาจไม่ใช่เงินทองแต่เป็นเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันมากกว่า
และใครที่ได้ทำงานทำการกันแล้ว
ต่อให้คุณงานยุ่งมากแค่ไหนก็อย่าลืมที่จะหาเวลาให้กับคนสำคัญในครอบครัวของคุณด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : fma , postsara