เรื่องจริงของ “แตงโมครึ่งซีก” ข้อคิดชีวิตคู่ ควรอ่าน

เรื่องจริงของ “แตงโมครึ่งซีก” ข้อคิดชีวิตคู่ ควรอ่าน

ไม่รู้ว่าในยุคปัจจุบันนี้เราจึงเห็นหลาย ๆ คู่แยกทางกันไปง่ายมาก เมื่อเทียบกับยุคก่อน ๆ นี้ที่คนรัก คู่รัก สามี ภรรยา กันนั้นจะครองคู่กันไปยาวนานจนแก่จนเฒ่า เพราะความเจริญที่ส่งผลกระทบ เพราะความเท่าเทียมของมนุษย์มีมาและความเป็นตัวเองที่สูงมากเกินไป การให้อภัยทำไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดแน่นอนว่า ชีวิตคู่ก็พังทันที วันนี้เรามีบทความให้ ข้อคิดชีวิตคู่ เป็นเรื่องของ “แตงโมครึ่งซีก” จะเป็นอย่างไรมาติดตามอ่านพร้อมกันเลย

ข้อคิดชีวิตคู่

เรื่องแตงโมครึ่งซีกนี้ถูกเล่าโดยชายผู้หนึ่งที่กล่าวถึงตัวเขาและครอบครัว และแตงโมครึ่งซีก อ่านเถอะค่อย ๆ อ่านแล้วคุณจะได้อะไรจากเรื่องนี้ไปเยอะ

บ่ายวันหนึ่ง ผมเลิกงานกลับบ้าน ร้อนจนเหงื่อโชก เปิดตู้เย็น พบแตงโมแช่เย็นอยู่ครึ่งซีก ดีใจจนคว้าออกมา แทะกินจนเรียบ

ครู่ต่อมา ภรรยาผมก็กลับมาถึงด้วย เข้าประตูก็บ่น “กระหายน้ำ ร้อนมาก” เธอเปิดตู้เย็น และชะงัก ผมบอกเธอว่า แตงโมซีกนั้นผมกินไปแล้ว สีหน้าเธอมีแววไม่พอใจ รีบเอาถ้วยไปรินน้ำ หยิบกระติกขึ้นมา ก็พบว่าในกระติกแห้งสนิท เธอพูดขึ้นมาทันที “เธอกลับบ้านมาก่อน ทำไม ไม่ต้มน้ำไว้บ้าง มัวทำอะไรอยู่?”

ผมโกรธบ้าง “แล้วทำไมอะไรๆ ก็ต้องให้ฉันทำ?” เราสองคนทำ ส ง ค ร า ม เย็นกันอยู่เป็นอาทิตย์ กว่าจะยอมคืนดีกันวันเสาร์ ผมกลับบ้านพ่อแม่ไปคนเดียว พอเห็นหน้า ทั้งคู่ก็ถามว่า “ทำไมไม่เห็นเมตตามาเลยอาทิตย์นี้?”

ผมเล่าเรื่องที่โกรธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม “ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเองควรใส่ใจคนอื่นบ้าง” ผมไม่เห็นด้วย “แค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนา?” พ่อหัวเราะ “แกไม่ต้องแก้ตัวพรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากันมากินข้าวที่นี่นะ”

ข้อคิดชีวิตคู่

รุ่งขึ้น ผมพาครอบครัวมาหาพ่อแม่ พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้อน้ำส้มสายชู พอผมกลับมา พ่อบอกให้เมตตาพาลูกออกไปข้างนอกก่อน บอกแล้วพ่อก็เอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม “แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระหายหน่อยเถอะ” แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้ พ่อส่งช้อนให้คันหนึ่ง “กินไม่หมดก็เหลือไว้ให้เมียแกกินบ้าง” ผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกาง

หลังกินอาหารเที่ยงพ่อเอาแตงโมงสองซีกออกมาวางบนโต๊ะ บอกผมว่า “แกดูทีซิว่า มันต่างกันตรงไหน?”

ผมงง ดูอย่างละเอียด ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไปอีกซีกก็ถูกกินไปด้วย ดูอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่ามันต่างกันอย่างไร จึงส่ายหัว พ่อชี้ให้ดูแตงแล้วอธิบายว่า  “ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตตากิน พ่อบอกแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้ ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนกินยังไง เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง แล้วดูของแกนี่แกควักกินเนื้อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้อแตงโมหวานตรงกลาง

ข้อคิดชีวิตคู่

จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ ก็เห็นได้ว่าเมตตามีใจใหญ่กว่าแกมาก ผมหน้าแดงทันที พ่อพูดอย่างมีความหมายว่า…

“คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต จะมีเรื่องสำคัญอะไรนัก ความรักความใส่ใจระหว่างผัวเมียอยู่ที่ไหน

มันก็อยู่ในน้ำมันหยดเดียว ข้าวช้อนเดียว น้ำแกงทัพพีเดียว คราวก่อนแกโกรธกันเรื่องกินแตงโม แล้วยังมีข้ออ้างมากมายทั้งที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าเมตตาเป็นฝ่ายกลับถึงบ้านก่อน รับรองว่า เธอจะต้องเก็บไว้ให้แกครึ่งหนึ่ง”

“อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ แต่มันสะท้อนให้เห็นหัวใจคน แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละ ให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน หัวใจคนต่อให้เย็นชาแค่ไหน

แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่น มันจะร้อนขึ้นสักวัน หรือหัวใจที่ต่อให้ร้อนเท่าไร แกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อน..ทีละช้อน

สักวันก็จะทำให้เย็นลงโดยสมบูรณ์ คิดดูนะ ถ้าเมตตาเป็นเหมือนแก ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง?”

คำพูดคำเดียวนั้น ปลุกคนตื่นโดยแท้ ผมพบในทันใดว่า รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน

น้ำชาที่ชงไว้ให้..ร่มที่วางหน้าประตูยามฝนตก ล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตตา แต่ผมกลับไม่เคยเห็น ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา คิดแล้วก็ละอาย รีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตตา “เธอกินก่อนเถอะ” เธอหัวเราะ “ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อกับแม่” พ่อก็หัวเราะ

“ถ้าทำไก๋อย่างนี้ได้ทั้งชีวิต ก็ถือว่าเป็นสามีที่ดีนะลูก” ในใจมีรัก ความรักนั้นต้องให้กันและกัน เราพึงใส่ใจอีกครึ่งของเรา อย่าคิดว่าทุกปัญหาเป็นการหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ลองคิดถึงความผิดของตนดู ใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ใส่ใจคนในครอบครัว อย่ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่น ความสุขไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด แต่อยู่ที่เสียงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหน

ข้อคิดชีวิตคู่

ความสุขไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอดภัย ความสุขไม่ใช่มีคนรักสวย

แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด ความสุขไม่ได้อยู่ที่ได้ฟังคำหวานมากหรือน้อย แต่อยู่ที่ยาม โ ศ ก เ ศ ร้ าเสียใจมีคนบอกฉันว่า ไม่เป็นไร ยังมีฉันอยู่ อย่ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่นในโลกโซเชียล จนห่างเหินกับคนในครอบครัวนะครับ

หวังว่าเรื่องราวของแตงโมครึ่งซีกจะเตือนใจใครหลาย ๆ คน ให้หันมาใส่ใจคนที่คุณรัก หันใสใจครอบครัว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ควรทำให้กันความเห็นใจ ความเอาใจใส่เล็ก ๆ น้อยเป็นอะไรที่น่ารักเสมอ และเป็นตัวที่จะทำให้ครอบครัวไปได้รอดและอยู่กันยาว เลิกมองเห็นแต่ความสุขของตัวเองแล้วใส่ใจคนข้าง ๆ คุณสักนิดเพื่อชีวิตคู่ที่ดี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คิดเป็น.com