Home »
Uncategories »
ผ่อนบ้าน 30 ปี เสียดอกเบี้ยไปเท่าไหร่ แล้วถ้าผ่อนไม่ไหวจะอย่างไรต่อ
ผ่อนบ้าน 30 ปี เสียดอกเบี้ยไปเท่าไหร่ แล้วถ้าผ่อนไม่ไหวจะอย่างไรต่อ
ผ่อนบ้าน 30 ปี เสียดอกเบี้ยไปเท่าไหร่ แล้วถ้าผ่อนไม่ไหวจะอย่างไรต่อ
ก่อนจะซื้อบ้านอยากให้ท่านได้อ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน
การมีบ้านเป็นของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี
น่าภาคภูมิใจแต่มันก็เหมือนกับว่าเราแบกเอาภาระอันหนักไม่ใช่เล่นเลยไว้บนบ่า
หากผ่อนไปนาน ๆ แล้วดอกเบี้ยบ้านจะเพิ่มขึ้นอย่างที่เราทราบกัน
แทบทุกคนก็จะจัดการรีไฟแนนซ์ แต่ถ้าไม่อยากจะรีล่ะ
ลองมาดูตารางในภาพที่เราเอามาให้ดูนี้จะช่วยได้เยอะ
หากเราเสียดอกเบี้ยเต็มก็เหมือนกับว่าดอกเบี้ยนั้นจะได้บ้านอีกหลังเลยนะ
การหาทางออกมันก็มีหลายเทคนิคขึ้นอยู่กับว่าใครถนัดแบบไหน
แล้วแบบนี้จะเป็นอย่างไรมาติดตามกัน
คำนวณจากดอกเบี้ย mrr 7% ตลอดระยะเวลา 30 ปี ไม่รวมโปร 3-5 ปีแรก อันนี้ไม่โปะ และไม่ทำการรีไฟแนนซ์
ลองดูตารางแล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่าหากเราไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรเลยนั้นจะจะต้องเสียดอกเบี้ยหนักขนาดไหน
และดอกเบี้ยที่เราจ่ายไปนั้นมันก็แทบจะได้บ้านอีกหลังกันเลยทีเดียว
และมาดูกันว่าแล้วเราจะลดดอกเบี้ยบ้านได้อย่างไร อ่านกันให้จบนะ
วิธีที่ 1 : โปะเพิ่มทุก ๆ เดือน
หากอยากจะผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ๆ สำหรับที่จะซื้อบ้าน หรือ คอนโดนะ
ปลุกไปอีกเท่าตัวเลยโปะไปเลยทุกเดือน ๆ เช่นถ้าในเดือนนี้เราผ่อนบ้าน 12000
บาทต่อเดือน ก็แนะนำให้จ่ายไป 24,000 บาทไปเลย
เทคนิคนี้จะช่วยให้เราสามารถผ่อนบ้านหมดไวภายในระยะเวลาไม่เกิน 9 ปี
จากเดิม 30 ปี การโปะจะช่วยเพิ่ม 1 เท่าตัว
จะช่วยให้เราผ่อนบ้านได้ไวกว่าปกติถึง 70 เปอร์เซ็นต์
วิธีนี้ใช้ได้ดีมากเลยล่ะ
ข้อควรระวังในการซื้อบ้านหรือคอนโดอย่างหนึ่ง ก็คือ
เราควรเลือกบ้านให้เหมาะกับสถานะการเงินของเรา
ไม่ควรเลือกบ้านที่ราคาสูงเกินว่าที่จะผ่อนไหว แต่ถ้าใครพลาดตรงนี้ไปแล้ว
มีคนบอกเสมอของดีสำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องเงิน คือ การหารายได้เพิ่ม
คำนี้พูดง่ายแต่ทำยากสักหน่อยแต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราคนเดียวเท่านั้น
เพราะถ้าเรามองจากตัวอย่างในการผ่อนช่วงแรกๆ เงินที่ผ่อนไป 12,000 บาท
กลายเป็นดอกเบี้ยไปแล้วประมาณ 10,000 บาท เหลือไปลดเงินต้นแค่ 2,000 บาทเอง
ซึ่งถ้าเราโปะเงินเพิ่มไปอีก 1 เท่าหรือ 12,000 บาท
ส่วนนี้จะไปช่วยลดเงินต้นลง
และช่วยลดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในเดือนถัดๆไปลงตามไปด้วย
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาการผ่อนจาก 30 ปี เหลือแค่ 8-9 ปีเท่านั้น
แต่ถ้าใครคิดว่าวิธีนี้มันดูเกินไปหรือต้องการผ่อนบ้านแบบมีความสุข
ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็อาจจะไม่ต้องโปะเยอะขนาดที่พี่ทุยบอกไปก็ได้
แต่อาจจะโปะเพิ่มขึ้น 10-20% ของเงินผ่อนไปทุกเดือนแทน เช่น โปะเพิ่ม 10%
ก็ผ่อนเดือนละ 13,200 บาท และถ้าสิ้นปีมีโบนัส
ก็อาจจะเอาเงินก้อนมาโปะไปบางส่วน
ก็จะช่วยร่นระยะเวลาในการผ่อนบ้านของเราได้เช่นกัน
วิธีที่ 2 : พยายามรีบโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำๆ
ถ้าระยะยาวเราไม่สามารถโปะเพิ่มขึ้น 1 เท่า ไปได้ตลอด
แนะนำว่าช่วงปกติตอน 1-3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำ
มากหรือน้อยตามโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร
และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งไปตาม MRR
ในช่วงปีแรกๆเราอาจเสียดอกเบี้ยแค่ 3-4% แต่หลังจากนั้นอาจจะกลายเป็น 5-8%
ไปเลยก็ได้ เราจึงควรรีบโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำๆ
เพราะเงินต้นจะลดลงไปได้เยอะ เราก็ประหยัดดอกเบี้ยไปได้มากขึ้น
ทำให้เราผ่อนหมดได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเราไปโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงๆ
เราอาจโปะไปแต่เงินต้นก็ไม่ได้ลดลงไปเท่าไหร่เลย
วิธีที่ 3 : รีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอปรับอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านหรือคอนโดกับธนาคารเดิม (Retention)
หากจะเข้าใจการรีไฟแนนซ์ก็เป็นการกู้เงินจากอีกธนาคารเพื่อไปจ่ายดอกที่ถูกกว่าจ่ายที่ธนาคารเดิมนั่นเอง
แต่ว่าจะต้องผ่อนบ้านครบ 3 ปี แล้วเท่านั้นนะ ถ้าหลัง 3
ปีแล้วดอกเบี้ยบ้านลอยตัวตาม MRR
ซึ่งก่อนจะรีไฟแนนซ์ก็อย่าลืมดูเงื่อนไขสัญญากันด้วยนะ
เพราะถ้ารีก่อนสัญญาจะเสียค่าปรับเอาได้
ทีนี้ตอนเราหาธนาคารใหม่ก็ทำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่กู้ซื้อบ้านครั้งแรก
คือ
หาโปรโมชั่นจากแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบดูว่าธนาคารไหนดอกเบี้ยถูกที่สุด
และถูกกว่าดอกเบี้ยที่เราจ่ายอยู่ปัจจุบัน เราก็ย้ายไปกู้กับธนาคารนั้น
แต่อย่าลืมดูเงื่อนไขค่าธรรมเนียมและค่าจดจำนองด้วยว่าย้ายไปแล้วจ่ายน้อยลงจริงหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ทุกคนที่ผ่อนบ้านทำก็คือสร้างประวัติการผ่อนบ้านให้ดี
ๆ อย่างน้อยติดกัน 3 ปีให้ได้ หากเราจ่ายตรงประวัติดีมาโดยตลอด
อาจจะไม่ต้องรีไฟแนนซ์ให้ยุ่งยากก็ไปคุยกับธนาคารเดิมเลยแล้วขอลดดอกเบี้ยให้ถูกลง
ถ้าหากคุยดีอาจจะได้ดอกเบี้ยถูกกว่าการเปลี่ยนธนาคารอีกด้วยนะ
แถมยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดจำนองอีกต่างหาก มันดีนะแบบนี้
ลองนำไปปรับใช้กันดูนะสำหรับใครที่กำลังผ่อนบ้านอยู่หรือกำลังคิดจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง
ถ้าหากปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย ผ่อนไปเรื่อย ๆ นาน 30 ปี
มีหวังเราหมดไปกับการจ่ายดอกเบี้ยที่เกินจำเป็นอย่างมาก
เพราะดอกเบี้ยที่เสียนั้นแทบจะได้บ้านอีกหลังกันเลยทีเดียวนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : moneybuffalo ,Home2nd.com , postsod