Home »
Uncategories »
มีข่าวดีมาบอก บ้านล้านหลังเพื่อคนจนผ่อนสบาย 3,800 บ./เดือน
มีข่าวดีมาบอก บ้านล้านหลังเพื่อคนจนผ่อนสบาย 3,800 บ./เดือน
วันที่ 26 สิงหาคม 2561 นายฉัตรชัย ศิริไล
กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สินเชื่อ
“โครงการบ้านล้านหลัง” ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารแล้ว
ภายใต้กรอบวงเงินรวม 60,000 ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
สำหรับวงเงินกู้ที่จะปล่อย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) วงเงิน 10,000 ล้านบาท
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ที่จะนำไปพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อหน่วย
ให้ไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนที่ขายทั้งหมด โดยที่อยู่อาศัยราคาขายไม่เกิน 1
ล้านบาทจะคิดอัตราดอกเบี้ย MLR – 1.25% ต่อปี
ส่วนที่อยู่อาศัยที่มีราคาขายเกิน 1 ล้านบาท จะคิดอัตราดอกเบี้ย MLR –
0.75% ต่อปี
2. สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับลูกค้ารายย่อย (Post Finance) วงเงิน 50,000 ล้านบาท
สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
คนวัยทำงานที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ
เพื่อซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
– รายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน คิดอัตราอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1
ถึงปีที่ 5 แบบคงที่ 3% ต่อปี, ปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้เงิน
กรณีสวัสดิการคิด MRR – 1% ต่อปี ส่วนกรณีรายย่อยคิด MRR – 0.75%
– รายได้เกิน 25,000 บาท/คน/เดือน คิดอัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 ถึงปีที่ 3
แบบคงที่ 3.00% ต่อปี, ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาคิด MRR – 0.50%
ทั้งนี้ หากกู้เงิน 1 ล้านบาท จะผ่อนชำระเริ่มต้นในช่วง 3-5
ปีแรกเพียงเดือนละ 3,800 บาทเท่านั้น พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้,
ค่าประเมินหลักประกัน, ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ธอส. จะเปิดให้จองที่อยู่อาศัยในเดือนธันวาคม
2561 ทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค
ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562
และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562
ซึ่งการดำเนินงานในเฟสแรก ธนาคารได้รวบรวมที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1
ล้านบาท ทั้งแนวราบและแนวสูง
ซึ่งพร้อมให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 จำนวน
133,307 หน่วย และมีแผนการก่อสร้างที่ชัดเจนจนถึงปี 2565 จำนวนรวม 270,000
หน่วย