Home »
Uncategories »
หมอเมย์ ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เผยความรู้สึก หลังรู้อาการของตัวเองล่าสุด
หมอเมย์ ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เผยความรู้สึก หลังรู้อาการของตัวเองล่าสุด
ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตแห่แชร์
และให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากเมื่อเพจ หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย
ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวโดยได้ระบุข้อความว่า…
สัญญาณเตือนของโรคมะเร็ง
ตอนที่เมย์ท้องลูกคนที่สอง มีอาการอ้วกเป็นเลือดไหลไม่หยุด
จนช๊อคเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์
คิดว่ามะเร็งน่าจะอยู่กับเรามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ
แต่ตอนนั้นไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจหามะเร็ง
เพราะมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ด้วย เวลาจึงล่วงเลยต่อมา
เมย์อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การจะหยุดเต้าเพื่อรักษา H.pylori
จึงเป็นเรื่องรองลงไป ช่วงนั้นร่างกายก็เริ่มมีสัณญาณบอกถึงความล้า
เรี่ยวแรงน้อยลง ต้องกินกาแฟทุกวันเพื่อให้มีแรง
แต่ก็ไม่ได้คิดถึงเจ้าเนื้อร้ายอยู่ดี
เพราะแม่ลูกอ่อนก็เหนื่อยแบบนี้เป็นปกติ หากย้อนเวลากลับไปได้
อยากจะรีบไปส่องกล้องซ้ำตั้งแต่ 3 เดือนแรก
วันที่รู้ผลว่าเป็นมะเร็ง ยังผ่าตัดคนไข้อยู่เลย
จุดที่ตัดสินใจไปตรวจ เพราะว่าไอเยอะมา 1 สัปดาห์กว่าๆ ไม่มีไข้
ไอจนเริ่มหายใจไม่สุด จึงไปตรวจ x-ray หน้าอกดู พบว่ามีจุดเล็กๆ
คิดว่าเป็นวัณโรครึป่าว จึงไป CT scan ปอดซ้ำ ผลก็ออกมาว่ามีจุดเล็กๆ
เต็มปอดเลย สงสัยวัณโรค หรือ มะเร็ง
แต่ใจตอนนั้นยังสงสัยวัณโรคมากกว่าอยู่นะคะ
แต่อาจารย์ให้เราลองตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่คอไปตรวจดู
และเราก็เจาะเลือดส่งผลค่ามะเร็งต่างๆไปด้วยเลย อาจารย์โทรมาบอกผล Lab
เมย์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ อยากให้เข้ามาเจอ ที่โรงพยาบาลหน่อย
เมย์จึงถามกลับไปว่าเป็นอะไรหรอคะ
อาจารย์จึงบอกกลับมาว่าผลตรวจเจอเซลล์มะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง
หลังจากผ่าตัดคนไข้เสร็จ เมย์ก็ขึ้นไปเจอหน้าลูกและสามี
ก็ร้องไห้หนักมาก แต่ใจยังสู้ คิดว่าฉันต้องหายสิ ลูกยังเล็ก ยังน่ารัก
จะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้ จากนั้นรีบโทรหาคุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อทราบข่าว
พ่อซึ่งรักเรามากกว่าใครในโลกนี้บินมาหาเมย์ที่ กทม ด้วยความรวดเร็ว
และพาเมย์บินกลับมารักษาตัวที่เชียงใหม่ พร้อมคำพูดที่อบอุ่นหัวใจที่สุดว่า
กลับบ้านเรามารักษาตัวกันนะ ลูกจะต้องหายพระเจ้าไม่ทอดทิ้งเรา
ตอนนี้มะเร็งได้ลามไปที่ปอด ต่อมน้ำเหลืองที่คอ
และกระดูกสันหลังเล็กน้อย เมย์เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดมาแล้ว 3 คอร์ส
รู้สึกว่าอาการของตัวเองเริ่มดีขึ้น ร่างกายปรับตัวกับยาเคมีบำบัดได้ดี
แต่ขณะกำลังจะเริ่มคอร์สที่ 4 เมย์มีถ่ายเป็นเลือดสดอีกครั้ง และไอ
เมย์ติดหวัดจากลูกสาว น้องอันย่านั่นเอง ทั้งบ้านติดกันหมด คุณยาย คุณตา
น้องแอรอน ป้าๆ พี่เลี้ยง
เมย์เองซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำที่สุดในบ้านก็ไม่รอดสิคะ
ติดเชื้อลงปอดเลยค่ะ
ตอนนี้ก็กำลังอดทนให้มากๆ อยู่ค่ะ เนื่องจากเมย์ยังอยากมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อยู่เสี่ยงเสียชีวิตกับภาวะแทรกซ้อน
ยิ่งไปกว่านั้นคือ
เมย์ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้เลย นั่นคือ DIC
(Disseminated Intravascular Coagulation)
หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย คือ
ภาวะที่กลไกการแข็งตัวของเลือดทำงานผิดปกติและเกิดการแพร่กระจาย
ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดที่ทำให้เส้นเลือดอุดตันทั้งแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
ลดการไหลเวียนของเลือดและอุดกั้นไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ
ในร่างกาย โดยความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไป
ตั้งแต่การห้ามเลือดของร่างกายที่ผิดปกติ ไปจนถึงอวัยวะในร่างกายล้มเหลว
และอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
ชีวิตเมย์ยังคงโชคดีที่คุณพ่ออันเป็นที่รักเป็นหมอ
คุณแม่สุดที่รักเป็นพยาบาล คุณพ่อเรียกรถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว
ได้เจาะเลือดตรวจและให้น้ำเกลือด้วยความรวดเร็วไม่งั้นช็อคแน่ๆ
ยังมีคนอีกมากที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์มากนักและบ้านไกล
ถ้าเป็นแบบเดียวกับเมย์อาจจะได้รับการรักษาที่ไม่ทันท่วงที
ตอนนี้เมย์ยังต้องนอนพักอยู่ที่ห้อง ICU รอคอยว่าเลือดจะกลับมาปกติดี
นอนไปฝันไปว่า อีกเดี๋ยวก็ออกโรงพยาบาลไป จะไปแต่งตัวสวยๆ
ได้เหมือนเดิมแล้ว อยากกลับมายืน เดิน เริ่มหัดออกกำลังกาย
กลับมาดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมทุกครั้งที่ตื่นนอน
ยังคงเห็นคุณค่าของทุกลมหายใจเสมอ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ การบริจาคโลหิต
เป็นการทำบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยที่ไม่ต้องนำเงินใดๆ
ไปซื้อมา ซึ่งการรักษาของเมย์นั้นต้องใช้เลือดพลาสมา เกร็ดเลือด
และองค์ประกอบต่างๆของเลือด มากถึงวันละ 20 units กันเลยทีเดียว
เหมือนเมย์กำลังได้รับการต่อลมหายใจอยู่ในขณะนี้
มันมีความหมายสำหรับชีวิตผู้หญิงๆ ตัวเล็กคนนี้มากจริงๆ
ขอให้บุญกุศลของทุกท่านที่บริจาคโลหิตนั้น
ขอให้ท่านได้รับกลับคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก เพจ หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย