เมล็ดทุเรียนมีค่า ขายได้ราคาสูง กิโลกรัมละ 80-90 บาท ว่าแต่ทำไมต้องรับซื้อ ซื้อไปทำอะไร ไปฟังคำตอบกันเลย

จริงหรือ! ลักลอบส่งเมล็ดพันธุ์ทุเรียนพื้นบ้านออกนอกประเทศ หลังราคารับซื้อแพงขึ้นเท่าตัว พร้อมกระแส่ขาว ต่างชาติแห่ปลูกทุเรียนแข่งกับไทย ขณะที่แม่ค้ายืนยัน ญาติซื้อไปเพาะต้นขาย

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่ราคาเมล็ดทุเรียนบ้านใน จ.พังงา พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 80 บาท ทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่า จะมีการกว้านซื้อเมล็ดทุเรียนเพื่อนำพันธุ์เมล็ดส่งออกต่างประเทศ เบื้องต้น ได้สอบถาม นางสาโรจน์ ภูมิรักษ์ อายุ 52 ปี แม่ค้ารับซื้อเมล็ดทุเรียน ที่บ้านเลขที่ 11/5 ม.6 บ้านหินสามก้อน ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา

ทราบว่า เมล็ดทุเรียนที่ตนเองรับซื้อนั้น นำส่ง จ.ชุมพร เพื่อเพาะปลูก ซึ่งคนรับซื้อรู้จักกันดีและเป็นญาติ เป็นการรับซื้อเพื่อนำไปเพาะเพื่อจำหน่ายต้นกล้าอีกที่หนึ่ง ส่วนจะเพาะพันธุ์ส่งออกหรือไม่นั้น ตนเองมองว่าในกลุ่มเครือญาติไม่มีการส่งพันธุ์ทุเรียนไปต่างประเทศแน่นอน

ด้าน นายธีรพงศ์ ตันติเพชราภรณ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพังงา กล่าวว่า กรณีราคาเมล็ดทุเรียน กิโลกรัมละ 80 บาทนั้น พบว่ามีทั้งผู้ต้องการซื้อเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเพาะพันธุ์ภายในประเทศและต่างประเทศ ขณะผลผลิตออกสู่ตลาดมีการสั่งผลทุเรียนจากจังหวัดต่างๆ ในปริมาณมาก ทำให้ราคาเมล็ดทุเรียนมีราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ซึ่งปกติราคาเมล็ดทุเรียนกิโลกรัมละ 30 บาท ปัจจุบัน พบว่ากิโลกรัมละ 50-80 บาท โดยอาจจะเกิดจากความต้องการเมล็ดทุเรียนในส่วนของต่างประเทศด้วย เนื่องจากในปีนี้ราคาทุเรียนมีราคาสูง ทำให้ความต้องการเมล็ดทุเรียนของเกษตรกรมีมากขึ้น

นายธีรพงศ์ กล่าวอีกว่า ต้นพันธุ์ทุเรียนพื้นเมืองมีความแข็งแรง โดยนำยอดทุเรียนพันธุ์ต่างๆ เสียบยอด เพื่อได้ต้นทุเรียนที่ทนทาน มั่นคง แข็งแรง และได้ผลดี และทราบข่าวว่าความต้องการของต่างประเทศ มีออเดอร์จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา โดยไม่ได้ผ่านภาครัฐ หรือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลของการส่งออกและนำเข้าพืชพันธุ์ของประเทศไทย หรือเป็นการลักลอบ

ซึ่งจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน และสินค้าผลิตผลของทุเรียนได้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ามีการขยายพื้นที่ปลูกอย่างมโหฬารในต่างประเทศ และหากทุเรียนในต่างประเทศให้ผลผลิตจะส่งผลกระทบกับทุเรียนในประเทศไทยอย่างแน่นอน

ทางสภาเกษตรกรแห่งชาติ รับทราบเรื่องนี้แล้ว และมีคณะกรรมการด้านไม้ผล จากสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ มีการหารือกัน ต้องมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการดูแลการส่งออกเมล็ดทุเรียนหรือต้นทุเรียน เพื่อป้องกันการปลูกทุเรียนในต่างประเทศ โดยเฉพาะพันธุกรรม

ซึ่งทุเรียนไทยถือว่าเป็นหนึ่งเทียบเท่าประเทศมาเลเซีย ทางคณะกรรมการสภาเกษตกรแห่งชาติ มีความเป็นห่วงเรื่องทุเรียนพันธุ์ที่มีชื่อเสียง เช่น หมอนทอง ก้านยาว ชะนี เป็นต้น จะทะลักออกสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะนำพันธุ์ทุเรียนเหล่านี้เพาะปลูก เมื่อได้ผลผลิตแล้วจะกลับมาสร้างปัญหาให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะส่งผลกระทบกับเกษตรกรไทย