Home »
Uncategories »
เหตุผลที่บอกว่า ทำไม? ประเทศจีน น่ากลัวมาก และมาแรงสุดๆ
เหตุผลที่บอกว่า ทำไม? ประเทศจีน น่ากลัวมาก และมาแรงสุดๆ
จากกรณีสหรัฐอเมริกา
ได้ขึ้นแบล็กลิสต์บริษัทหัวเหว่ย Huawei บริษัทมือถือแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากจีน
และต่อมากูเกิ้ลก็ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน
จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้โทรศัพท์ Huawei ไม่สามารถอัพเดท
Android เวอร์ชั่นต่อไปได้
รวมถึงในอนาคตอาจจะไม่สามารถใช้แอปฯ ต่างๆ ของ Google ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Google Maps, Gmail และแอปฯ อื่นๆ ในเครือกูเกิลทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้ Huawei ถูกแบน
เป็นเพราะความล้ำสมัยของเทคโนโลยี 5G อันสุดล้ำของ Huawei
ที่ทำให้ชาติตะวันตกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง
วันนี้เราจึงนำข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนมาให้ทุกคนได้ทราบกัน ว่าจีนพัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว
(เท่าที่เห็น) จีนน่ากลัวมาก
1. รถไฟความเร็วสูงไม่ได้สร้างขึ้นเพียงเพื่อสักแต่ให้ “มี” แต่มันถูกวางแผนมาพร้อมกับการพัฒนาเมืองเล็กๆ ให้กลายเป็น “มหานคร”
2. ตัวเลขในหนังสือของ Alec Ross บอกว่าคนจนในจีนลดลงจาก 81%
ในอดีตเหลือเพียง 13% ในปัจจุบัน
คนจนเหล่านั้นถูกดดูดเข้าไปสร้างเศรษฐกิจใน “เมือง” และโตไปพร้อมกับเมือง
3. “เมือง” ของจีนไม่ได้หมายถึงเมืองใหญ่ที่มีอยู่แล้วอย่างปักกิ่ง
เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เท่านั้น หากหมายถึง “เมืองใหม่”
ที่ถูกเนรมิตรขึ้นมาจากการวางแผนระยะยาว
แต่ดูเหมือนสร้างขึ้นเร็วราวกับเล่นเกม Simcity
4. ชาวบ้านใน “เมืองใหม่” ที่เต็มไปด้วยถนนกว้างระดับเครื่องบินวิ่งได้
ตึกใหญ่เหมือนมหานครเรียงราย คอนโดขึ้นเหมือนป่าคอนกรีต
บอกกันว่าสิ่งที่เห็นเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเวลาแค่ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง
ความเร็วในการเปลี่ยนโลกเปลี่ยนชีวิตของจีนรวดเร็วจนช็อค!
5. ชาวบ้านที่เคยอยู่บ้านดิน ปลูกผัก ทำนา
ถูกรื้อบ้านและชักชวนให้ไปอยู่คอนโดเอื้ออาทรที่รัฐสร้างให้ฟรี
โดยมอบเนื้อที่ให้มากกว่าบ้านหลังเดิม
แลกกับการอยู่ติดดินต้องเปลี่ยนไปอยู่บนตึก
ว่ากันว่าส่วนใหญ่ค่อนข้างโอเคกับความเปลี่ยนแปลงนี้ mindset
ว่าที่ดินเป็นของรัฐอาจทำให้ผู้คนมีปัญหากับการเวนคืนที่น้อยกว่าการรู้สึกว่านี่คือที่ดินของฉัน
6. ที่ดินทั้งหลายจึงถูกไถกลบพร้อมสร้าง “เมืองใหม่”
วางผังเมืองได้ดั่งใจคิด โซนธุรกิจ โรงงาน ที่อยู่อาศัย การเกษตร
ถนนใหญ่แค่ไหน เลนจักรยาน รถไฟ สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ เหมือนเสกขึ้น
7. เมืองใหม่ทั้งหลายสวยงามเป็นระเบียบ ไม่มีฝุ่น ต้นไม้เยอะ
ดอกไม้ประดับตกแต่งเต็มที่ แต่ละเมือง
แต่ละมณฑลก็แข่งกันพัฒนาไม่ให้น้อยหน้ากัน
8. รถไฟความเร็วสูงผ่านไปที่ไหนก็มี “ความเจริญใหม่”
สร้างรอรับอยู่ที่นั่น หลักการคือมันจะวิ่งผ่านจุดที่ยังไม่เจริญ
เพื่อสร้างความเจริญ
มิใช่วิ่งเข้าไปในจุดที่เจริญแล้วให้หนาแน่นกระจุกตัวเข้าไปอีก
9. รถไฟเร็วสูงเหล่านี้เชื่อม “เมือง”
เข้าด้วยกันเหมือนสถานีพร้อมพงศ์ไปอโศก (แต่ละสถานีใหญ่อย่างกับสนามบิน)
เมืองใหม่ทั้งหลายเดินทางถึงกันภายในสามสิบนาที ทั้งที่ไกลกันเป็นร้อยกิโล
ความเจริญจึงเชื่อมถึงกันเป็นโครงข่ายยักษ์
เหมือนแต่ละเมืองก็ช่วยกันฉุดกันไป
10. มองเห็นแล้วเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมจีนอยากช่วยประเทศใกล้ๆ สร้างรถไฟ หากทั้งหมดเชื่อมถึงกันจีนน่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย
11. การเดินที่สะดวกนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยน ค้าขาย ขนส่ง
และการเดินทางท่องเที่ยว อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจีนกำลังก่อตัวอย่างน่าสนใจ
สถานที่เที่ยวต่างๆ สะอาด เป็นระเบียบ ทันสมัย ออกแบบแลนด์สเคปสวยงาม
ใช้วัสดุและดีไซน์ระดับสากล ทางเดินบนภูเขา กระเช้าขึ้นดอย
ห้องน้ำห้องท่าใกล้เคียงญี่ปุ่นเข้าไปทุกที ต้นไม้ใบสีสวย
ดอกไม้ที่ปลูกแบบคิดมาแล้วน่าจะทำให้อีกไม่เกินสิบปี
จีนจะเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่ามากมายมหาศาล
12. จีนเริ่มอนุรักษ์ของเก่า อาคารโบราณ
รวมถึงพยายามเล่าวัฒนธรรมรากเหง้าความเก่าแก่ของตัวเองแล้ว
นิตยสารบนเครื่องบินที่เคยอ่านเริ่มดึงความเป็นเจ้าของของงานศิลปะ
พู่กันจีน บอนไซ การจัดดอกไม้ ชงชา กลับมาเป็นของจีน
แล้วเล่าเรื่องผ่านประวัติศาสตร์ยาวนานของตน
13. ระบบการจ่ายเงินของจีนล้ำสมัย
พ่อค้าแม่ขายริมทางรับการจ่ายเงินผ่านอาลีเพย์และวีแชทกันหมด
ทำบุญกับวัดก็ใช้เงินดิจิตอลเหล่านี้ได้
มีคำพูดว่าสามารถให้เงินขอทานด้วยวิธีนี้ได้ด้วยซ้ำ
14. อินเตอร์เน็ตทำใหัหลายอย่างสะดวกขึ้นมาก จีนมีทุกอย่างที่โลกสากลมี
แค่มันเป็นของจีน เสิร์ชเอนจิ้น แอพจ่ายเงิน แชท จองโรงแรม
เรียกแท็กซี่เหมือนอูเบอร์ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ยี่ห้อจีน
นอกจากเงินไม่รั่วไหลยังคุมเนื้อหาต่างๆ ได้ตามที่รัฐต้องการ
(ขอเสริมว่าคนจีนใช้รถยนต์ยี่ห้อจีนกันเยอะมาก
คนจีนที่ได้พบเจอบอกว่าความไม่ชอบญี่ปุ่นยังมีอยู่
อะไรหลีกเลี่ยงได้ก็ใช้ของจีนเอง เท่าที่ได้นั่ง
รถยี่ห้อจีนนุ่มเลยทีเดียว)
15. จีนสนับสนุนให้คนปั่นจักรยาน มีจักรยานสาธารณะจอดอยู่เต็มไปหมด
ทุกเมือง ค่าใช้ก็ไม่แพง บางทีก็ฟรี ไม่ได้มีแค่จักรยานเป็นผักชีโรยหน้า
เมืองใหม่ทั้งหลายออกแบบทางจักรยานเอาไว้ให้ปั่นกันเป็นจริงเป็นจัง
16. อินฟราสตรักเจอร์ทั้งหลายถูกวางไว้รองรับ “ความเจริญ”
ที่ออกแบบไว้ใหผู้คนลงแรงและดำเนินชีวิตตามแผนเหล่านั้น เหมือนมี “โรดแม็ป”
ที่ไม่ได้เอ่ยแค่ลอยๆ ไปวันๆ แต่วางแผนจริงจังระยะยาว
17. จิตวิญญาณขงจื่อเรื่องความขยันทำให้เราเห็นคนจีนไม่ว่าหน้าที่ไหนๆ
ก็ดูขยันไปซะหมด คนขับรถของเราบอกว่ายิ่งเจริญคนก็ยิ่งเครียด กดดัน
ต้องขยันขึ้นอีก เพราะถ้าไม่ขยันก็จะตกขบวนรถไฟ จีนโตแบบนี้
ใครขยันก็รวยขึ้นได้ทุกคน
18. ความเครียดทำให้ศาสนาและการปฏิบัติธรรมได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ วัดเซนที่ไปกำลังสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเซนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
19. เมืองไกลๆ ยังขยายรอรับความเจริญที่กำลังแผ่ลามไปถึง
เราเห็นเมืองใหญ่ที่ผู้คนยังมีความเป็นอยู่แบบเดิมๆ
เหมือนตามเมืองไม่ทันอยู่หลายเมือง
แต่เดาว่าอีกไม่นานก็จะพัฒนาคุณภาพชีวิตขึ้นมา
เป็นไปได้ว่ามีคนตัวเล็กตัวน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาที่รวดเร็วนี้เช่นกัน
20. มหานครแล้วมหานครเล่าที่เห็นทำให้นึกภาพจีนทั้งประเทศเหมือนมี 40
กรุงเทพฯ อยู่ด้วยกัน หรือเว่อร์ๆ หน่อยก็ 40 ฮ่องกง หรือ 40 โตเกียว
(เอาจริงๆ 40 อาจจะน้อยเกินไป อาจเป็นร้อยด้วยซ้ำ)
นี่มันประเทศแบบไหนกันนี่! มันเทียบเท่าเกือบๆ หนึ่งทวีปเลยนะ
21.
สิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นคำถามที่จีนพยายามหาคำตอบและวิธีรักษาให้ยั่งยืน
ทำยังไงกับการบริโภคทรัพยากรในระดับอภิมหาบริโภคเช่นนี้ไปตลอด
22. สภาพจิตใจของผู้คนที่กดดัน เร่งรีบ เอาชนะกันมากขึ้น แผ่ลามจากเมืองไปครอบคลุมชนบททุกแห่งหน
23. เสรีภาพย่อมเป็นคำถามจากสายตาคนภายนอก
แต่ถ้าถามคนจีนส่วนใหญ่อาจตอบว่าไม่รู้สึกอะไร
แต่ถ้าคนที่เคยสัมผัสเสรีภาพนอกประเทศมาก็จะโหยหาและเรียกร้อง
แต่ก็ไม่มีพลังมากนัก
ทั้งหมดนี้ที่เขียนมาใช่ว่าจะเห็นว่าวิธีของจีนนั้นดีงาม
เชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่รู้และไม่เห็น
นี่เป็นเพียงเปลือกนอกที่หุ้มห่ออยู่เท่านั้น
24.
การเดินทางผ่านหลายเมืองเป็นระยะทางกว่าสองพันกิโลเมตรทำให้พอเห็นภาพจีนในปัจจุบันว่ากำลังเติบโตในระดับที่ไม่น่าจะเคยมี
“ฝูงเมือง” ที่ไหนเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้
25. เมืองน่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนเช่นกัน
เมืองที่สะอาดเป็นระเบียบน่าจะค่อยๆ shape ผู้คนให้เปลี่ยนแปลงไป
รถไฟที่เงียบขึ้น ไม่เบียดเสียดกัน
อาจทำให้คนจีนในอนาคตพูดเสียงเบาลงเหมือนหนุ่มสาวจีนรุ่นใหม่ที่ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนรุ่นพ่อแม่แล้ว
อีกห้าปีจีนจะมีหน้าตาอย่างไร น่าสนใจยิ่งนัก! จะโตไปได้เรื่อยๆ
หรือจะโตเพื่อเสื่อมสภาพ?
คนที่ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจะคิดถึงเสรีภาพมากขึ้นด้วยไหม?
มึปัญหาอะไรรออยู่บ้างในอนาคต?
ว่าแล้วก็หันกลับมาดูบ้านเรา… เราเสียเวลากันไปเท่าไหร่แล้วหนอ?
ที่มา Sarawut Hengsawad