Home »
Uncategories »
คนมีรถ ต้องดูเอาไว้ “9 สัญญานไฟ” แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ
คนมีรถ ต้องดูเอาไว้ “9 สัญญานไฟ” แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ
คนมีรถ ต้องดูเอาไว้ “9 สัญญานไฟ” แจ้งเตือนบนหน้าปัดรถ
เชื่อว่าสิ่งแรกที่ทุกคนพอขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับแล้วเห็น ก็คือ
“หน้าปัดรถ” ใช่ไหม? เมื่อเราบิดกุญแจ Start รถปุ๊ป
สัญญาณไฟทุกดวงจะโชว์ขึ้น พอเครื่องติดแล้วก็จะดับไป หมายความว่า
สัญญาณเตือนนั้นยังทำงานปกติ ซึ่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ
เหล่านี้แหละที่คนขับรถทั้งหลายควรทราบ
เพราะมันบ่งบอกความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นในของรถคุณ
ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้น เพื่อให้แก้ไขปัญหาและป้องกันได้ทัน
วันนี้เราได้รวบรวมสัญญาณไฟที่แจ้งเตือนบนหน้าปัดบ่อย
มาให้ทุกคนได้รู้ว่า ไฟเตือนนี้มีความหมายความว่าอะไร
ระบบในรถของเราส่วนไหนมีปัญหา? อันตรายไหม?
ต้องระวังอะไรบ้าง? ไปดูพร้อมๆกันเลย
เรียงลำดับตามความสำคัญ สีแดง –> สีเหลือง –> สีเขียว (
สำคัญสุดคือสีแดง ) ซึ่งถ้ามีสัญลักษณ์สีแดงโชว์ขึ้นมานั้น
บ่งบอกถึงความผิดปกติของรถที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
ไฟเตือนสีแดง หมายถึง ต้องหยุดใช้รถทันที และ รีบตรวจสอบความผิดปกติตามรูปไฟเตือนที่ปรากฎในทันที
ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การแจ้งเตือน..! สามารถใช้งานรถต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
ไฟเตือนสีเขียว บอกถึงผู้ขับกำลังใช้งานอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ไม่เกิดความเสียหายอยู่
ลองดูกันว่าไฟเตือนต่างๆเหล่านี้บอกความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง
1. สัญลักษณ์เครื่องยนต์
ถ้าไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับเมื่อไหร่
แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาแล้วครับ
ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาลของเครื่องยนต์มากๆ เพราะตัวนี้ตัวเดียว
อาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง เช่น ค่าอ็อกซิเจนผิดปกติ,
สายพานเกินระยะกำหนด, ตัว ECU มีปัญหา ฯลฯ
ซึ่งถ้าไฟรูปเครื่องติด
ต้องทำการตรวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่
ซึ่งรถส่วนใหญ่จะยังทำงานได้ปกติ แต่ในบางรุ่น (โดยเฉพาะรถทางฝั่งยุโรป)
จะล็อกความเร็วไว้ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม.
เพื่อให้ผู้ใช้งานนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการทันที
และป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายไปมากกว่าเดิม
2. สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง
เมื่อแสดงขึ้นมา สามาถบ่งบอกว่ากรองน้ำมันมีปัญหา อาจเป็นเพราะกรองน้ำมันตัน หรือ มีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมาก
3.สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมัน
แสดงมาเมื่อไหร่แสดงว่าน้ำมันในถังอยู่ในระดับต่ำแล้ว
ให้เติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด โดยส่วนใหญ่ที่พบ
น้ำมันจะเหลืออยู่ในถังอีกประมาณ 10-15% ของความจุถังถึงจะเริ่มแสดงขึ้นมา
โดยจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่ว่าเป็นรถรุ่นไหนครับ (
เพิ่มเติมข้อมูล สัญลักษณ์รูป สามเหลี่ยมเล็กๆ ด้านข้างถังนั้น
ช่วยบ่งบอกว่าฝาถังน้ำมันอยู่ด้านไหน
เวลาเข้าปั้มเติมน้ำมันจะได้จอดถูกฝั่งหัวจ่ายน้ำมัน )
4. สัญญาณไฟรูปปรอทมีขีดระดับน้ำ
เป็นการเตือนเรื่องความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น
พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน น้ำยาหล่อเย็นขาด หรือ รั่ว หากฝืนใช้รถต่อ
อาจทำให้เกิดการ Over Heat (
อุณหภูมิในเครื่องยนต์ร้อนสูงเกินขีดจำกัดที่เครื่องยนต์จะสามารถทำงานต่อได้
) ซึ่งสร้างความเสียหายให้เครื่องยนต์อย่างมาก
5. สัญญาณไฟเครื่องหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค
สัญลักษณ์เบรกนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นใน 2 กรณีคือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ
หรือลดเบรกมือยังไม่สุด สัญลักษณ์นี้ก็จะติดขึ้นมา
แต่ถ้าลดเบรกมือแล้วยังไม่ดับ คงต้องตรวจสอบระบบเบรก
ซึ่งอย่างแรกที่ต้องดูคือระดับน้ำมันเบรก
เพราะส่วนใหญ่แล้วสัญลักษณ์จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับปกติครับ
แต่สำหรับบางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบรกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน
โดยระบบเบรกจะเป็นเครื่องหมายตกใจ ส่วนเบรกมือ จะเป็นตัว P
ให้ลองอ่านที่คู่มือประจำรถดูก่อน
6. สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัย
ปกติสัญลักษณ์นี้จะขึ้นมาค้างประมาณ 5 วินาทีหลังสตาร์ทรถ
เป็นการเช็คถุงลมนิรภัยของระบบตัวรถ
ถ้าสัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นมาค้างหลังจากสตาร์ทเครื่องไปแล้วไม่ยอมดับ
ก็ควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงานได้เลยครับจำเป็นอย่างมาก
เพราะ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงาน
7. สัญลักษณแบตเตอรี่ ขั้วบวก ขั้วลบ
หลายคนเข้าใจผิดว่า เป็นการเตือนแบตเตอรี่เสื่อม
แต่จริงๆแล้วหมายถึงไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ เช่น ไดร์ชาร์จเสีย
ไดร์ชาร์จไม่ทำงาน ไม่ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือ
ไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์
เมื่อใช้ไปเรื่อยๆอาจทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ไม่ทำงาน
8.สัญลักษณมีระบุคำว่า ABS
อาจหมายถึงระบบเบรค ABS มีปัญหา ให้นำรถเข้าตรวจสอบกับอู่ทันทีครับ (
ระบบเบรค กับ ระบบเบรค ABS นั้นคนละส่วนกัน )
แสดงว่าระบบเบรกยังสามารถใช้งานได้ปกติอยู่
เพียงแต่เมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหันจนล้อล๊อค ระบบ ABS
อาจจะไม่ทำงานเท่านั้นเองครับ ( ABS
คือระบบช่วยไม่ให้ล้อล๊อกเวลาเบรคกระทันหัน
จนรถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน เป็นการช่วยลดโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำ หรือ
ไถลตกข้างทาง )
9. สัญลักษณรูปตะเกียงน้ำมันมีน้ำหยด
มักเกิดจาก
น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง
หรือถ้าน้ำมันเครื่องแห้งมากๆ
หากฝืนใช้รถต่อไปอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาถึงขั้นพังได้เลย หรือ
ถ้าเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ
แต่มีไฟโชว์ขึ้นมาก็เป็นไปได้ว่า ปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมีปัญหา
ทำให้ไม่สามารถปั้มส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้อย่างทั่ววถึง
จริงๆแล้วยังมีไฟเตือนอีกมากมาย อาจแตกต่างกันไปแต่ละยี่ห้อ
แต่ละรุ่นนะครับ ดังนั้นเพื่อนๆ ควรศึกษาและเรียนรู้ สัญญาณเตือนต่างๆ
บนหน้าปัดจากคู่มือประจำรถของคุณ เพื่อจะได้ดูแลรักษารถที่คุณรักได้
อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : postnoname, bitcoretech