ครูเชียงใหม่ สุดเศร้า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฟ้องยึดบ้าน
ซ้ำเร่งรีบประมูลขาย
สงสารแม่ซึ่งแก่แล้วต้องเจอแต่คนแปลกมาข่มขู่ให้ออกจากบ้านทุกสัปดาห์เว้นสัปดาห์
จากปัญหาหนี้สินที่ครูออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่ครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มที่มีหนี้สินวิกฤติ กว่า 50,000 คน จะหมดหนทางใช้หนี้และถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์สิน ดังเช่น ครูพิมพ์ชนก มรุธานินทร์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฟ้องร้อง และเร่งประมูลขายทรัพย์สินให้คนอื่น จนถูกคุกคาม ให้ย้ายออกจากบ้าน สัปดาห์เว้นสัปดาห์
ครูพิมพ์ชนก เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า บ้านหลังนี้พ่อซึ่งเป็นครูซื้อไว้และผ่อนชำระกับธนาคารกรุงเทพ และได้ย้ายมาที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ วงเงินตอนนั้นประมาณ 9 แสนบาท แต่เนื่องจากมีปัญหาหนี้สหกรณ์ หนี้ธนาคารออมสิน จึงเหลือเงินให้หักเพียง 3,600 บาท จากที่ต้องผ่อนชำระ ร่วม2หมื่นบาท กระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ศาลตัดสินให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชนะคดีที่ฟ้องเนื่องจากไม่มีเงินส่งธนาคาร
สำหรับหนี้สินของครูพิมพ์ชนก มี 3 ส่วนประกอบด้วย1.เงินกู้สหกรณ์ 4 วงเงินกู้ ยอดหนี้รวม ประมาณ 3 ล้านบาท ต่อมาได้มีการปรับโครงสร้างหนี้รวมวงเงินกู้และลดการผ่อนชำระจากเดิมเดือนละ 30,000 บาทเหลือเดือนละ 18,000 บาทโดยจะไม่ได้เงินปันผลจากสหกรณ์ 2.เงินกู้ธนาคารออมสิน 3 ล้านบาท โดยกู้มาทำบ้านที่ถูกน้ำท่วม และสร้างร้านค้าขายของชำและลงทุนตู้หยอดเหรียญ ซึ่งระยะหลังขายไม่ได้ จึงไม่มีเงินส่งธนาคารออมสิน 3.หนี้บ้าน โดยครูรับภาระต่อมาจากพ่อที่เป็นครูเช่นกันได้ซื้อบ้านหลังนี้ไว้ และเสียชีวิตไป
ครูพิมพ์ชนก อยากจะวิงวอนให้รัฐบาลให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ครูโดยรวมหนี้ทั้งหมดให้มาอยู่สถาบันการเงินเดียวกัน แล้วลดดอกเบี้ย และขยายเวลาผ่อนชำระซึ่งจะทำให้ครูมีโอกาสผ่อนชำระและมีเงินยังชีพในแต่ละเดือนได้ ส่วนบ้านหลังที่มีการฟ้องร้องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ อยากจะขอให้กรมบังคับคดี ชะลอการบังคับคดี เพื่อครูพิมพ์ชนก จะนำบ้านหลังนี้เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือคนจนซื้อบ้านคืน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าร่วมโครงการแล้ว ว่าครูมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของธนาคารอาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งก่อนศาลจะตัดสินได้มีการชี้แจง และแจ้งให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทราบเรื่องนี้แล้วแต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังฟ้องร้องขับไล่เธอกับแม่ซึ่งแก่แล้วออกจากบ้านและถ้าออกจากบ้านหลังนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน
"มีคนมาข่มขู่ให้ออกจากบ้านสัปดาห์เว้นสัปดาห์ เวลามาที่บ้าน มีแม่ที่แก่แล้วอยู่คนเดียว ทำให้แม่รู้สึกหวัดกลัว เขามาเสนอขายให้เราซื้อคืน 2.5 ล้านบาท ครูจะมีปัญญาที่ไหน หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ก็มีชายฉกรรจ์สี่ถึงห้าคนมาที่บ้านอีกครั้ง และประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ก็มาเป็นครั้งที่สาม เป็นตัวแทนบริษัทกับผู้หญิง 2 คน มาบอกว่าจะมาขอดูบ้าน มาตอน 6 โมงเย็น ครูรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จึงได้มีการแจ้งความเอาไว้กับตำรวจทั้งๆ ที่รู้ว่าใบแจ้งความนั้นไม่มีประโยชน์" ครูพิมพ์ชนก กล่าวเสียงเครือ
ข่าวจาก : เนชั่นทีวี
จากปัญหาหนี้สินที่ครูออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่ครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มที่มีหนี้สินวิกฤติ กว่า 50,000 คน จะหมดหนทางใช้หนี้และถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์สิน ดังเช่น ครูพิมพ์ชนก มรุธานินทร์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฟ้องร้อง และเร่งประมูลขายทรัพย์สินให้คนอื่น จนถูกคุกคาม ให้ย้ายออกจากบ้าน สัปดาห์เว้นสัปดาห์
ครูพิมพ์ชนก เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า บ้านหลังนี้พ่อซึ่งเป็นครูซื้อไว้และผ่อนชำระกับธนาคารกรุงเทพ และได้ย้ายมาที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ วงเงินตอนนั้นประมาณ 9 แสนบาท แต่เนื่องจากมีปัญหาหนี้สหกรณ์ หนี้ธนาคารออมสิน จึงเหลือเงินให้หักเพียง 3,600 บาท จากที่ต้องผ่อนชำระ ร่วม2หมื่นบาท กระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 ศาลตัดสินให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชนะคดีที่ฟ้องเนื่องจากไม่มีเงินส่งธนาคาร
สำหรับหนี้สินของครูพิมพ์ชนก มี 3 ส่วนประกอบด้วย1.เงินกู้สหกรณ์ 4 วงเงินกู้ ยอดหนี้รวม ประมาณ 3 ล้านบาท ต่อมาได้มีการปรับโครงสร้างหนี้รวมวงเงินกู้และลดการผ่อนชำระจากเดิมเดือนละ 30,000 บาทเหลือเดือนละ 18,000 บาทโดยจะไม่ได้เงินปันผลจากสหกรณ์ 2.เงินกู้ธนาคารออมสิน 3 ล้านบาท โดยกู้มาทำบ้านที่ถูกน้ำท่วม และสร้างร้านค้าขายของชำและลงทุนตู้หยอดเหรียญ ซึ่งระยะหลังขายไม่ได้ จึงไม่มีเงินส่งธนาคารออมสิน 3.หนี้บ้าน โดยครูรับภาระต่อมาจากพ่อที่เป็นครูเช่นกันได้ซื้อบ้านหลังนี้ไว้ และเสียชีวิตไป
ครูพิมพ์ชนก อยากจะวิงวอนให้รัฐบาลให้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ครูโดยรวมหนี้ทั้งหมดให้มาอยู่สถาบันการเงินเดียวกัน แล้วลดดอกเบี้ย และขยายเวลาผ่อนชำระซึ่งจะทำให้ครูมีโอกาสผ่อนชำระและมีเงินยังชีพในแต่ละเดือนได้ ส่วนบ้านหลังที่มีการฟ้องร้องจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ อยากจะขอให้กรมบังคับคดี ชะลอการบังคับคดี เพื่อครูพิมพ์ชนก จะนำบ้านหลังนี้เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือคนจนซื้อบ้านคืน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าร่วมโครงการแล้ว ว่าครูมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติของธนาคารอาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งก่อนศาลจะตัดสินได้มีการชี้แจง และแจ้งให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทราบเรื่องนี้แล้วแต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังฟ้องร้องขับไล่เธอกับแม่ซึ่งแก่แล้วออกจากบ้านและถ้าออกจากบ้านหลังนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน
"มีคนมาข่มขู่ให้ออกจากบ้านสัปดาห์เว้นสัปดาห์ เวลามาที่บ้าน มีแม่ที่แก่แล้วอยู่คนเดียว ทำให้แม่รู้สึกหวัดกลัว เขามาเสนอขายให้เราซื้อคืน 2.5 ล้านบาท ครูจะมีปัญญาที่ไหน หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ก็มีชายฉกรรจ์สี่ถึงห้าคนมาที่บ้านอีกครั้ง และประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ก็มาเป็นครั้งที่สาม เป็นตัวแทนบริษัทกับผู้หญิง 2 คน มาบอกว่าจะมาขอดูบ้าน มาตอน 6 โมงเย็น ครูรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จึงได้มีการแจ้งความเอาไว้กับตำรวจทั้งๆ ที่รู้ว่าใบแจ้งความนั้นไม่มีประโยชน์" ครูพิมพ์ชนก กล่าวเสียงเครือ
ข่าวจาก : เนชั่นทีวี
