วันนี้เราจะพาทุกคนมาดู โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
มันมีชื่อว่า โรงแรม “The Het Arresthuis”
ถ้าทุกคนมองดูจากภาพที่จะเห็นต่อไปนี้คงจะตลึงในความสวยหรูและความหรูของมันแต่ถ้าคุณรู้ว่าก่อนหน้าที่มันจะกลายมาเป็นโรงแรมที่หรูขนาดนี้ได้คุณจะต้องอึ้งไปเลยทีเดียวเพราะโรงแรงแห่งนี้เคยเป็น
เรือนจำมาก่อนวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูและไปค้นหาคำตอบว่าทำไมเรือนจำแห่งนี้ถึงได้ปิดตัวลง
เชื่อว่าหลายคนก็คงอยากรู้ เอาเป็นว่าเราไปดูพร้อมๆกันเลยจ้า
โรงแรม “The Het Arresthuis” ในเมืองโรมอนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถูกปรับโฉมใหม่จนแทบจำไม่ได้เป็นโรงแรมหรูในเครือ Van der Valk โดยคงความเป็นเรือนจำไว้เฉพาะทางเข้าห้องและประตู ส่วนห้องขัง 150 ห้องที่เคยใช้เป็นของผู้คุมและนักโทษ มี 40 ห้องที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องพัก 4 รูปแบบ คือ ห้อง The Jailer (ผู้คุม) ห้อง The Lawyer (ทนายความ) ห้อง The Director (ผู้กำกับ) และ ห้องThe Judge (ผู้พิพากษา) ซึ่งทุกห้องล้วนใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นในการตกแต่ง ขณะที่ตรงกลางของโถงเรือนจำถูกปรับเปลี่ยนเป็นเลานจ์ที่นั่ง
ไม่ใช่เพียงแค่ “The Het Arresthuis” ยังมีเรือนจำอีกหลายแห่งที่กำลังจะปิดตัวลง อย่างในปี 2016 มีเรือนจำปิดไปถึง 19 แห่ง และถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาล ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย แม้กระทั่งศูนย์ฝึกอาชีพชั่วคราวของอดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำ เพราะเมื่อเรือนจำปิดตัวเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็เสี่ยงตกงานสูง
สาเหตุที่ทำให้เรือนจำในเนเธอร์แลนด์ต้องประกาศปิดตัวลงเป็นเพราะ “ไม่มีนักโทษถูกคุมขัง”
จำนวนนักโทษในเรือนจำของเนเธอร์แลนด์ลดลงประมาณ 43% ในช่วง 10 ปี คือ จาก 14,468 คน ในปี 2005 ลดลงเหลือ 8,245 คน ในปี 2015 ทำให้เป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้ต้องขังต่อประชากรเพียง 57: 100,000 ถือว่าต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกคุมขังจะต้องเป็นบุคคลอันตรายแต่ก็ยังได้อิสระในการใช้ชีวิตมาก เช่น เดินไปไหนมาไหนในสวน ห้องสมุด โรงยิม เนื่องจากทางเรือนจำเชื่อว่าจะลดความกดดันและช่วยให้นักโทษกลับตัวกลับใจปรับตัวเข้ากับสังคมปกติหลังพ้นโทษได้ง่าย
ส่วนนักโทษคดีอื่นๆ ผู้พิพากษาจะใช้วิธีการทำโทษที่แตกต่างออกไปโดยไม่เน้นการคุมขัง เช่น ติดแท็กอิเล็กทรอนิกส์เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหว ทำงานบริการสังคม บำบัดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมขึ้น เช่น ยาเสพติด หลักสูตรควบคุมอารมณ์โกรธเกรี้ยว แม้กระทั่งให้คำปรึกษาทางการเงินถ้าผู้ต้องขังมีหนี้สิน
โรงแรม “The Het Arresthuis” ในเมืองโรมอนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถูกปรับโฉมใหม่จนแทบจำไม่ได้เป็นโรงแรมหรูในเครือ Van der Valk โดยคงความเป็นเรือนจำไว้เฉพาะทางเข้าห้องและประตู ส่วนห้องขัง 150 ห้องที่เคยใช้เป็นของผู้คุมและนักโทษ มี 40 ห้องที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องพัก 4 รูปแบบ คือ ห้อง The Jailer (ผู้คุม) ห้อง The Lawyer (ทนายความ) ห้อง The Director (ผู้กำกับ) และ ห้องThe Judge (ผู้พิพากษา) ซึ่งทุกห้องล้วนใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นในการตกแต่ง ขณะที่ตรงกลางของโถงเรือนจำถูกปรับเปลี่ยนเป็นเลานจ์ที่นั่ง
ไม่ใช่เพียงแค่ “The Het Arresthuis” ยังมีเรือนจำอีกหลายแห่งที่กำลังจะปิดตัวลง อย่างในปี 2016 มีเรือนจำปิดไปถึง 19 แห่ง และถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาล ศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย แม้กระทั่งศูนย์ฝึกอาชีพชั่วคราวของอดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำ เพราะเมื่อเรือนจำปิดตัวเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็เสี่ยงตกงานสูง
สาเหตุที่ทำให้เรือนจำในเนเธอร์แลนด์ต้องประกาศปิดตัวลงเป็นเพราะ “ไม่มีนักโทษถูกคุมขัง”
จำนวนนักโทษในเรือนจำของเนเธอร์แลนด์ลดลงประมาณ 43% ในช่วง 10 ปี คือ จาก 14,468 คน ในปี 2005 ลดลงเหลือ 8,245 คน ในปี 2015 ทำให้เป็นประเทศที่มีอัตราส่วนผู้ต้องขังต่อประชากรเพียง 57: 100,000 ถือว่าต่ำที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกคุมขังจะต้องเป็นบุคคลอันตรายแต่ก็ยังได้อิสระในการใช้ชีวิตมาก เช่น เดินไปไหนมาไหนในสวน ห้องสมุด โรงยิม เนื่องจากทางเรือนจำเชื่อว่าจะลดความกดดันและช่วยให้นักโทษกลับตัวกลับใจปรับตัวเข้ากับสังคมปกติหลังพ้นโทษได้ง่าย
ส่วนนักโทษคดีอื่นๆ ผู้พิพากษาจะใช้วิธีการทำโทษที่แตกต่างออกไปโดยไม่เน้นการคุมขัง เช่น ติดแท็กอิเล็กทรอนิกส์เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหว ทำงานบริการสังคม บำบัดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมขึ้น เช่น ยาเสพติด หลักสูตรควบคุมอารมณ์โกรธเกรี้ยว แม้กระทั่งให้คำปรึกษาทางการเงินถ้าผู้ต้องขังมีหนี้สิน