ถ้าให้นึกถึงพระเอกสุดหล่อของประเทศไทย เราคงจะนึกถึงณเดชน์ คูกิมิยะ
กับความหล่อระดับเทพ
ก่อนหน้านี้ณเดชน์ออกมายอมรับกับสื่อมวลชนว่าตนเองไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น
แต่เป็นลูกครึ่ง-ออสเตรีย ก่อนหน้านี้ตนเองไม่ได้บอกเพราะ
พ่อบุญธรรมที่เป็นคนญี่ปุ่นรับอุปการะ
เลยนับถือเป็นพ่อจึงให้เกียรติว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น
แต่แท้ที่จริงแล้วทุกเรื่องต้องมีมูลเหตุมีที่มาที่ไป
ล่าสุดณเดชน์ได้ออกมาเปิดใจว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อและแม่
เพราะตนเป็นเด็กที่ถูกแม่แก้ว หรือป้าแท้ๆรับอุปการะ
เพราะพ่อแม่ที่แท้จริงแยกทางตั้งแต่เด็ก
ตามมาดูเรื่องราวของณเดชน์กันดีกว่าจ้าว่าจะซึ้ังขนาดไหน
“ณเดชน์” เติบโตและอาศัยอยู่ที่ขอนแก่นกับ “แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ” ชาวอีสานเชื้อสายจีนผู้มีศักดิ์เป็นป้าซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และคุณพ่อบุญธรรมชาวญี่ปุ่น คือ “โยชิโอ คูกิมิยะ” เป็นวิศวกรไฟฟ้าซึ่งทำงานในกรุงเทพมหานคร ส่วนพ่อแท้ๆเป็นชาวออสเตรีย และคุณแม่เป็นน้องสาวแท้ๆของ “สุดารัตน์”
โดยหลังจาก “โยชิโอ” และ “สุดารัตน์” รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ถึงแม้โยชิโอจะเป็นพ่อบุญธรรมของณเดชน์ แต่ “ณเดชน์”ก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เพราะโยชิโอไม่เคยสอน เมื่อสนทนากันโยชิโอจะใช้เพียงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งตอนนั้น “ณเดชน์” ยังไม่ได้มีชื่อนี้ แต่ใช้ชื่อว่า “ชลทิศ ยอดประทุม” ส่วนชื่อ “ณเดชน์” ก็ได้มาจากแม่แก้วที่ตั้งให้ และเลี้ยงดูมากับสามีชาวญี่ปุ่น “โยชิโอ คูกิมิยะ” นักวิศวกรไฟฟ้า ที่เลี้ยงดูณเดชน์มาด้วยกัน และเพราะ “เอ ศุภชัย” ไปเจอที่ขอนแก่น “ณเดชน์” จึงก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ท่ามกลางการดูแลของ “เอ ศุภชัย” และการเลี้ยงดูของแม่แก้ว
และในระยะหลังมานี้ แม่แก้วจะเป็นผู้ใช้อินสตาแกรม ถ่ายภาพคู่กับลูกชายในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้แฟนคลับได้รับรู้ ถึงเรื่องราว ความเคลื่อนไหวของ “ณเดชน์” ที่มีแฟนคลับจำนวนมากได้ทราบ และ “แม่แก้ว” ใช้อินสตาแกรมสาธยายธรรมะ บอกบุญ และทำบุญทำทานและมี “ณเดชน์” ในมุมธรรมะ แต่อินสตาแกรมนี้มีไว้เพื่อสื่อสารโดยตรงกับแฟนคลับโดยมี “แม่แก้ว”เป็นเจ้าของ และโพสต์เอง
อย่างไรก็ตาม “ณเดชน์” เล่าถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวว่า “คุณพ่อและคุณแม่มีวิธีการเลี้ยงดูที่ต่างกัน โดยตนสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณแม่มากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิด โทรศัพท์ถึงกันทุกวัน ดูแลถามไถ่เรื่องอาหารสุขภาพ ไม่ดุ ส่วนคุณพ่อจะคุยกันแบบผู้ชาย เรื่องวางแผนในอนาคต อาชีพการงาน และเรื่องผู้หญิง ทั้งนี้พ่อและแม่ที่แท้จริงของณเดชน์ได้แยกทางกันไปตั้งแต่ณเดชน์ยังเด็กๆ และตนก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อๆเลย ซึ่งตนสงสัยที่มาที่ไปของตัวเองมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล จนกระทั่ง ม.2
หลังโดนเพื่อนทักว่าทำไมหน้าตาไม่คล้ายคนญี่ปุ่น ตนจึงมาถามความจริงกับคุณแม่จนทราบเรื่อง ซึ่งตนก็ยอมรับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังรักและเคารพพ่อและแม่บุญธรรมเหมือนเดิม พร้อมกับยกย่องพ่อบุญธรรมชาวญี่ปุ่นเป็นฮีโร่ในดวงใจ และถือว่าตัวเองก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น”
“ณเดชน์” เติบโตและอาศัยอยู่ที่ขอนแก่นกับ “แม่แก้ว สุดารัตน์ คูกิมิยะ” ชาวอีสานเชื้อสายจีนผู้มีศักดิ์เป็นป้าซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และคุณพ่อบุญธรรมชาวญี่ปุ่น คือ “โยชิโอ คูกิมิยะ” เป็นวิศวกรไฟฟ้าซึ่งทำงานในกรุงเทพมหานคร ส่วนพ่อแท้ๆเป็นชาวออสเตรีย และคุณแม่เป็นน้องสาวแท้ๆของ “สุดารัตน์”
โดยหลังจาก “โยชิโอ” และ “สุดารัตน์” รับอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ถึงแม้โยชิโอจะเป็นพ่อบุญธรรมของณเดชน์ แต่ “ณเดชน์”ก็ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เพราะโยชิโอไม่เคยสอน เมื่อสนทนากันโยชิโอจะใช้เพียงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งตอนนั้น “ณเดชน์” ยังไม่ได้มีชื่อนี้ แต่ใช้ชื่อว่า “ชลทิศ ยอดประทุม” ส่วนชื่อ “ณเดชน์” ก็ได้มาจากแม่แก้วที่ตั้งให้ และเลี้ยงดูมากับสามีชาวญี่ปุ่น “โยชิโอ คูกิมิยะ” นักวิศวกรไฟฟ้า ที่เลี้ยงดูณเดชน์มาด้วยกัน และเพราะ “เอ ศุภชัย” ไปเจอที่ขอนแก่น “ณเดชน์” จึงก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ท่ามกลางการดูแลของ “เอ ศุภชัย” และการเลี้ยงดูของแม่แก้ว
และในระยะหลังมานี้ แม่แก้วจะเป็นผู้ใช้อินสตาแกรม ถ่ายภาพคู่กับลูกชายในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้แฟนคลับได้รับรู้ ถึงเรื่องราว ความเคลื่อนไหวของ “ณเดชน์” ที่มีแฟนคลับจำนวนมากได้ทราบ และ “แม่แก้ว” ใช้อินสตาแกรมสาธยายธรรมะ บอกบุญ และทำบุญทำทานและมี “ณเดชน์” ในมุมธรรมะ แต่อินสตาแกรมนี้มีไว้เพื่อสื่อสารโดยตรงกับแฟนคลับโดยมี “แม่แก้ว”เป็นเจ้าของ และโพสต์เอง
อย่างไรก็ตาม “ณเดชน์” เล่าถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวว่า “คุณพ่อและคุณแม่มีวิธีการเลี้ยงดูที่ต่างกัน โดยตนสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณแม่มากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ชิด โทรศัพท์ถึงกันทุกวัน ดูแลถามไถ่เรื่องอาหารสุขภาพ ไม่ดุ ส่วนคุณพ่อจะคุยกันแบบผู้ชาย เรื่องวางแผนในอนาคต อาชีพการงาน และเรื่องผู้หญิง ทั้งนี้พ่อและแม่ที่แท้จริงของณเดชน์ได้แยกทางกันไปตั้งแต่ณเดชน์ยังเด็กๆ และตนก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อๆเลย ซึ่งตนสงสัยที่มาที่ไปของตัวเองมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล จนกระทั่ง ม.2
หลังโดนเพื่อนทักว่าทำไมหน้าตาไม่คล้ายคนญี่ปุ่น ตนจึงมาถามความจริงกับคุณแม่จนทราบเรื่อง ซึ่งตนก็ยอมรับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังรักและเคารพพ่อและแม่บุญธรรมเหมือนเดิม พร้อมกับยกย่องพ่อบุญธรรมชาวญี่ปุ่นเป็นฮีโร่ในดวงใจ และถือว่าตัวเองก็เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น”
แท้จริงเป็นลูกครึ่งออสเตรีย