Home »
Uncategories »
เผยชีวิต “สะใภ้ทายาท Samsung” แต่ง 8 ปีต้องเลิกลา เพราะต้องสู้เพื่ออิสระภาพของตนเอง
เผยชีวิต “สะใภ้ทายาท Samsung” แต่ง 8 ปีต้องเลิกลา เพราะต้องสู้เพื่ออิสระภาพของตนเอง
“ผู้หญิงไม่แคร์ความสามารถ แต่แคร์โชคชะตา
ความสุขคือการที่อยู่กับชายอันเป็นที่รักตลอดไป
โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้อง” มีผู้เขียนชาวต่างชาติคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ดูเหมือนว่าการขับ
(ควบคุม)ผู้ชายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้หญิงควรเรียนรู้”
แต่ถ้า “ความรัก” นั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพล่ะ?
ตัวอย่างเช่นคนนับไม่ถ้วนกำลังทุ่มเทเพื่อได้แต่งงานเข้าบ้านเศรษฐี
บางคนก็เป็นผู้ชนะในชีวิตได้เป็นภรรยาเศรษฐี แต่บางคนล้มเหลว
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ไม่ว่าจะมองจากมุมใด โกฮยอนจอง (Go Hyun-jung)
ก็ดูโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อตอนเธออายุ 18 ปี
เธอเข้าร่วมการประกวดนางงามเกาหลีใต้ สุดท้ายเธอก็คว้าแชมป์
นางงามเกาหลีไปครอง
แต่ความสวยงามไม่ใช่สไตล์ของเธอ
หลังจากประกวดนางงามเสร็จก็เข้าวงการบันเทิง เธอใช้เวลา 6
ปีในการฝึกฝนทักษะการแสดง ในปี 1995 เธอได้แสดงซีรีย์เรื่อง “Sandglass”
ซึ่งมีผู้ชมมากที่สุดแห่งปี สูงถึง 64.5%
ซึ่งมีระดับความนิยมในเกาหลีใต้ในตอนนั้น ใกล้เคียงกับ “องค์หญิงกำมะลอ”
ของประเทศจีนเลยก็ว่าได้
แม้จะผ่านไปหลายปีแต่ระดับความนิยมของซีรี่ย์เรื่องนี้ก็ยังคงติดอันดับที่
3 ที่มีผู้ชมมากที่สุด คิดดูว่าได้รับความนิยมมากแค่ไหน?
และถ้าเธอยังคงแสดงละครต่อไป
แน่นอนว่าเธอต้องเป็นดาราหญิงยอดนิยมของเกาหลีแน่นอน
ทั้งสวยและมีความสามารถขนาดนี้
อย่างไรก็ตามในปี 1995 เป็นจุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงของเธอ
แต่เธอกลับเลือกที่จะแต่งงานกับรองประธานห้างสรรพสินค้าชื่อดัง Shinsegae
Department store company นายจองยงจิน (Jeong Yong-jin)
ซึ่งเป็นหลานชายประธานาธิบดีบริษัท Samsung
ในปี 1993 ทั้งคู่พบรักกันในโรงภาพยนตร์ เมื่อ
โกฮยอนจองพาแม่เข้าโรงหนังสายทำให้ต้องลูบคลำหาที่นั่งอย่างยากลำบาก
และในตอนนั้นเองพระเอกรูปหล่อก็ปรากฏและพาทั้งแม่และเธอไปหาที่นั่งจนเจอ
นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักและพบรักกัน
เมื่อทั้งคู่แต่งงานกันครอบครัวเครือญาติยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung
แน่นอนว่าก็ดูถูกเธอมาก เมื่ออยู่พร้อมหน้ากันก็พูดภาษาอังกฤษบ้าง
ภาษาฝรั่งเศสบ้าง ทำให้เธอฟังไม่รู้เรื่องและคุยกับคนอื่นไม่เข้าใจ
ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้วิธีต่างๆเพื่อบีบเธอ พากันรังเกียจเธอ
เหมือนดังละครไม่มีผิด
โกฮยอนจอง ต้องกลายเป็นแม่บ้านเต็มเวลา
ทำงานบ้านจนไม่ได้ดูแลรูปร่างหน้าตาดีดี และมีชีวิตที่ไม่เป็นสุข
กระทั่งเธอทนอยู่แบบนี้นาน 8 ปี
สุดท้ายเธอตัดสินใจเลือกมีชีวิตเป็นของตนเองด้วยการขอหย่ากับสามี
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้คนรอบข้างตกใจมาก
สุดท้ายเธอได้รับสินสมรสหลังหย่าเป็นเงินจำนวน 1.5 พันล้านวอน (ราว 41
ล้านบาท) หลุดพ้นความกดดันจากครอบครัวเครือญาติ Samsung
แต่ไม่สามารถแย่งสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสองได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเธอมาก
เธอแต่งงานตอนอายุ 24
ปีซึ่งเป็นวัยที่ดอกไม้กำลังแบ่งบานและสวยที่สุดในชีวิต หลังหย่าเธออายุ 32
ปีแล้ว จะให้ไปประชันกับดาราหน้าใหม่ที่กำลังโด่งดังตอนนี้คงไม่ได้แน่
ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอถูกบริษัทเครือ Samsungและห้างห้างสรรพสินค้า
Shinsegae บล็อกไม่ให้มีรูปเธอขึ้นในห้างของเครือ Shinsegae
ทำให้คนทั้งประเทศรู้เรื่องราวความบาดหมางนี้
โชคดีที่เธอไม่เป็นคนที่ย้อมแพ้ต่อชะตาชีวิต
และไม่เอาความผิดพลาดของอดีตมาทำลายอนาคต
เธอตั้งต้นเริ่มต้นใหม่อย่างจริงจัง
ลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งของตนเองได้อีกครั้ง
โดยความท้าทายแรกของเธอก็คือ เธอหาเพื่อนเก่าแก่อย่างพระเอก โช
อิน-ซ็อง( Jo In-sung) เพื่อร่วมแสดงในซีรีส์ทีวี “Spring Day” ด้วยกัน
ดวงตาของเธอยังคงสดใสและทรงพลังมากด้วยฝีมือการแสดงเหมือนเดิม
และต่อมาเธอก็มีผลงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
จนชื่อเสียงของเธอก็ค่อยๆคืนกลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่เธอเริ่มยืนได้ด้วยตนเองแล้ว
เธอก็เริ่มทำงานด้านการออกแบบซึ่งเป็นอาชีพในฝันที่ชื่นชอบของเธอ
จากนั้นก็เปิดตัวแบรนด์ Atti.k เป็นของตนเอง
ทราบหรือไม่ว่าการค้นพบสิ่งที่ตนเองชื่นชอบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่เธอค้นพบ 2 สิ่ง: การถ่ายทำละครและการออกแบบเสื้อผ้า
แบรนด์เสื้อผ้าของเธอไม่ธรรมดา
เธอใช้ใจและลงรายละเอียดกับเสื้อผ้าทุกชิ้น
ตั้งใจตัดเย็บโดยไม่ถือตัวว่าเป็นดาราชื่อดัง
หลายครั้งเธอถูกแอบถ่ายภาพหลุด
สุดท้ายเมื่อแบรนด์ของเธอออกจำหน่ายสู่ตลาดก็ทำรายได้มากถึง 300 ล้านวอน
(ราว 13 ล้านบาท) เมื่อเปรียบกับเงินที่อดีตสามีให้มา
เมื่อเราใช้เงินของตนเองที่สร้างมามันน่าภูมิใจและอุ่นใจในการใช้จ่ายมากกว่าเยอะ!
ตอนนี้เธอรับงานแสดงละคร
,ทำแบรนด์เสื้ผ้าของตนเองและเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยด้านการแสดง
มีชีวิตในแบบที่ตนเองรักดีกว่าอยู่เป็นนกในกรงมากกว่า 100 เท่า
ปัจจุบันเธออายุ 46 ปีแล้ว เธอบอกว่าจะไม่ทิ้งอาชีพการแสดง
ในปี 2011 อดีตสามีของเธอแต่งงานใหม่ เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า:
“ฉันไม่แตกต่างจากผู้หญิงธรรมดา ๆ ทั่วไป ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป
มันเป็นเพียงช่วงหนึ่งของชีวิต หวังว่าอนาคตจะมีชีวิตที่ดีกว่า”
แม้ว่าจะเคยเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่า ฉันเป็นของเขา
เขาเป็นของฉัน กระดูกและเนื้อไม่ได้ติดกัน เขามีชีวิตที่เป็นอิสระ
และฉันก็ควรจะเก็บอิสระของฉันไว้เช่นกัน เคารพซึ่งกันและกัน
นี้คือทัศนคติที่เธอมีต่อชีวิตการแต่งงาน เธอบอกอีกว่า
หากแต่งงานแล้วต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง และอิสระภาพ แม้ว่าจะรักกันแค่ไหน
จะดีแค่ไหนก็ไปกันไม่รอดเป็นอันต้องจบ ฉะนั้นเราต้องมีชีวิตที่มี
“ความสุข” สิ่งนี้สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
.
.
ที่มา:look543