เผย ชีวิตจริง..ยิ่งกว่าละคร!!! สาววัย 23 แต่งกับมหาเศรษฐีดูไบวัย 58 มีเงินให้ใช้เดือนละ 5 ล้าน แต่งได้ 1 ปีกลับทนไม่ไหว!!

เมื่อเรานึกถึงอภิมหาเศรษฐี ก็ต้องประเทศนี้เลย “ดูไบ” เพราะที่นี่เป็นประเทศที่มีรายได้มหาศาล พวกเขามีสัตว์เลี้ยงแปลกๆมากมาย และมีรถหรูหราที่หาดูได้ยาก ทุกอย่างที่ราคาแพงที่นี่มีหมด โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พวกเขาได้ไปสู่ขอสาวจีนคนหนึ่งวัย 23 ปีเพื่อมาเป็นภรรยา สาวๆที่ทราบข่าวก็พากันอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถวๆ มีโชคในชีวิตคู่มาก ส่วนเจ้าบ่าวของเธออายุ 58 ปี เป็นมหาเศรษฐีอยู่ทางตะวันออกกลางของประเทศดูไบ ทำให้เธอกลายเป็นคุณนายไปในชั่วพริบตา

มหาเศรษฐีรายนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ เป็นธุรกิจภายในครอบครัว ในวันที่จัดงานต้อนรับว่าที่สะใภ้สาวจีนนั้น มีตำรวจคอยอารักขานำทางให้เป็นพิเศษเลยนะจะบอกให้ จะเห็นได้ว่าพวกเขามีฐานะและอำนาจมากมายขนาดไหน สำหรับทายาทเศรษฐีคนนี้ ก็รักภรรยาสาวชาวจีนคนนี้มากเหมือนกัน โดยในแต่ละเดือนจะให้เงินเดือนใช้ เดือนละราว 5 ล้านบาท เพื่อให้ภรรยาสาวได้ใช้ซื้อของใช้ส่วนตัว

ดูเหมือนจะเป็นชีวิิตที่สมบรูณ์และงดงามไปหมด แต่กลับมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอหนักใจเป็นอย่างมาก นั้นก็คือเธอจำเป็นต้องรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นของพวกเขา คือเมื่อแต่งงานแล้วก็จะต้องห่อหุ้มหน้าตา ปิดมิดชิดทั้งตัวไม่ให้ใครได้เห็นอวัยวะทุกส่วนของเธอ ก่อนจะออกจากประตูห้อง และเศรษฐีที่นี่ชอบทำอะไรเลิศหรู และสัตว์เลี้ยงของพวกเขาก็เหมือนกัน ไม่เลี้ยงสุนัข แต่เลี้ยงเสือ สิงโต และสัตว์แปลกๆอื่นๆอีกมากมาย ทำให้เธอปรับตัวเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาให้ได้

กลายเป็นเรื่องทุกข์ใจสำหรับภรรยาอายุน้อยคนนี้มาก เพราะเธอโตมาจากเมืองที่เปิดเผย เป็นอิสระ แต่กลับต้องมาปฏิบัติทำตามกฏระเบียบมากมายของที่นี่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับโดนคุมขังและต้องปรับตัวอย่างมาก นอกจากนี้สามียังมีภาระกิจอีกอย่างที่เธอต้องทำ นั้นคือ การมีลูก โดยสามีหวังให้เธอมีลูกให้ได้มากที่สุด หลังแต่งงานได้เพียง 1 ปี ภรรยาสาวคนนี้ก็มีทีท่าว่าจะทนไม่ไหวแล้ว

มีเพื่อนชาวเน็ตบางคนบอกว่า “ตนเองก็แต่งไปต่างประเทศเหมือนกัน กลัวช่วงปีใหม่มากที่สุด เพราะต้องเขาไปนั่งสนทนาต้อนรับแขกมากมาย ตลอดหลายวัน จนไม่ได้พักผ่อน จะทำหน้าเศร้าก็ไม่ได้ต้องแบกหน้ายิ้มต้อนรับแบบนี้หลายวัน และไหนจะต้องคอยทำอาหาร บริการอาหารเครื่องดื่มๆต่างๆมากมาย จนปวดหลังไปหมดแล้ว”….บางคนก็บอกว่า “แต่งไปต่างประเทศเหมือนกัน แต่หนักกว่าคือไม่มีสิทธิพูดอะไร แต่ต้องนั่งฟังพวกเขาพูดคุยกัน จะขอปลีกตัวออกมาก่อนก็ไม่ได้ หาว่าเสียมารยาท”….

หลายคนคงคิดว่าการแต่งงานไปไกลต่างประเทศคงดูน่าอิจฉามาก แต่ที่จริงก็ไม่ได้น่าอิจฉาขนาดนั้นหรอกนะ เพราะความจริงแล้วต้องปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆมากมาย ถึงแม้จะร่ำรวยแต่ก็มีอีกมุมที่น่าสงสารและเหนื่อยเหมือนกัน ใครที่คิดจะแต่งงานไปกับต่างชาติก็ต้องคิดให้ดีว่าจะปรับตัวได้ไหม ขอให้ทุกคนมีความสุขในชีวิตแต่งงาน!