ทำเงินแสนต่อเดือน! “กุ้งเครย์ฟิช” ผสมพันธุ์แปลก แหวกตลาด

ไม่ว่าใครก็อยากทำ อยากยึดอาชีพกับสิ่งที่ตนรักหรือชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดำเนินชีวิต หรือการท่องเที่ยว ผู้คนก็อยากไปหรือทำในสิ่งที่ชอบและอยากทำ แต่มีอีกหลายคนที่ความชอบ กับความจริงที่ต้องเผชิญยังมีความต่างกันมาก หรือกระทั่งบางคนยังหาไม่พบในสิ่งที่อยากทำก็มี
การได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ แถมยังสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง อย่าง คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ วัย 39 ปี ที่มีความสุขและรายได้อย่างคาดไม่ถึงจากงานอดิเรก ที่ลงทุนเพียงเพราะความชอบ จนสามารถสร้างรายได้มากกว่าทำงานอาชีพหลักเสียด้วย
 เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช เพราะชอบ
คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ ผู้เลี้ยง-เล่นกุ้ง สวยงามชั้นแนวหน้าในเมืองไทย ทั้งเป็นประธานกลุ่มประมูลกุ้งเครย์ฟิชทุกสายพันธุ์ และเป็นเจ้าของศูนย์การเรียนรู้ CA Crayfish Signature เล่าว่า เริ่มเลี้ยงกุ้งมาตั้งแต่ปี 2013 และ “ช่างเอ” เป็นชื่อฉายาที่คนในวงการกุ้งเขาเรียกกัน ซึ่งก่อนที่จะมาเลี้ยงกุ้ง แต่เดิมผมเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี เรียนจบมัธยมปลาย ก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำมาหลากหลายอาชีพ ทั้งคนเดินเอกสาร รับซ่อมคอมพิวเตอร์ ก่อนจะมาเปิดธุรกิจพริ้นเตอร์เป็นของตัวเอง
หลังจากที่เปิดธุรกิจพริ้นเตอร์มาประมาณ 6-7 ปี บังเอิญได้รู้จักกับกุ้งสวยงาม หรือที่เรียกกันว่า กุ้งเครย์ฟิช ช่วงก่อนนั้นยังไม่ฮิตอย่างปัจจุบันนี้ ตอนนั้นสายพันธุ์กุ้งก็ยังมีไม่มาก เพราะเป็นกุ้งนำเข้า ราคาก็ค่อนข้างแพง แต่ด้วยความชอบส่วนตัว จึงไปเดินตลาดนัดจตุจักร ลองซื้อมาทดลองเลี้ยง ศึกษาดู จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงอย่างทุกวันนี้”
แต่ถึงแม้ว่าจะชอบ ก็ใช่ว่าการเลี้ยงกุ้งจะไม่มีอุปสรรค ช่างเอ บอกว่า “กว่าจะก้าวหน้ามาอย่างทุกวันนี้ จนสามารถสร้างกลุ่มประมูลกุ้งได้ และได้รับความนิยม มีผู้คนให้การยอมรับในคุณภาพ มันไม่ง่ายเลย ต้องเจออุปสรรคมาไม่น้อย
โดยยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ช่างเอจะมีชื่อเสียง โดนใส่ร้าย ปั่นราคาเรื่องการเลี้ยงกุ้งมาไม่น้อย บางครั้งถึงขั้นกล่าวหาว่าหลอกขายกุ้งก็มี แต่ทุกปัญหาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะกุ้งที่เลี้ยงและผสมพันธุ์ได้ มีคุณภาพและเชื่อถือได้ ตนไม่กั๊กข้อมูลการผสมพันธุ์ของพ่อ-แม่พันธุ์กุ้งว่าเป็นสีอะไร สายพันธุ์ไหน เวลาจะช่วยพิสูจน์ความจริงในสิ่งที่ทำ
อีกทั้งช่างเอยังเล่าอีกด้วยว่า “มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้กุ้งเครย์ฟิช เป็นกระแสฮือฮาขึ้น ก็คือ กุ้งที่ผมเลี้ยงในโกดังแถวลาดพร้าว ถูกขโมยไปหลายตัว มูลค่ารวมก็เป็นแสนบาทได้อยู่ ตัดสินใจไปแจ้งความที่โรงพัก เป็นช่วงที่มีนักข่าวมารอทำงานอะไรสักอย่างที่โรงพักพอดี แต่บังเอิญว่าข่าวที่รอ กลับไม่มาตามคาดหมาย ผมเลยถามว่า สนใจอยากทำข่าวกุ้งหายไหม ราคาก็เป็นแสนอยู่ ปรากฏว่าได้เสนอข่าวไป ทำให้กุ้งเครย์ฟิชเป็นที่รู้จักขึ้นมามากขึ้นในเมืองไทย”
งานอดิเรก ทำเงินแสน
ด้วยเพราะความชอบ เลี้ยงมาหลายปีแล้ว จึงมองว่าการเลี้ยงกุ้งสวยงามสิ่งที่เห็นว่าสำคัญคือการผสมพันธุ์ สร้างความแตกต่างให้กับตลาดคนเลี้ยงกุ้ง แต่ต้องได้กุ้งเครย์ฟิชที่ได้คุณภาพ มีเอกลักษณ์และสีสวย อีกทั้งยังมีมูลค่าตามแต่ความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย
โดยช่างเอ บอกว่า “จากการเปิดประมูลขายกุ้งของเขา สามารถสร้างรายได้จากการประมูลขายกุ้ง เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มากกว่าการเปิดร้านซ่อมพริ้นเตอร์ที่ทำมาเสียอีก กุ้งเครย์ฟิชจึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยสร้างรายได้สวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบันมาก สามารถเลี้ยงได้ทั้งเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริม เพราะกุ้งตัวนี้พึ่งเริ่ม ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล”
กุ้งเครย์ฟิช เป็นกุ้งเลี้ยงสวยงาม มีหลากหลายสายพันธุ์ เป็นสัตว์น้ำจืด เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก โดยช่างเอ บอกว่า “ตอนนี้ผู้เล่นกุ้งในเมืองไทย ให้ความสนใจและนิยมคือ “กุ้งโกสต์” มีลักษณะหลากหลายสี โดยจัดอยู่ในตะกูลกุ้งก้ามหนาม สาย P มีหลายสีให้เลือกเลี้ยง เช่น สีส้ม สีขาว สีแดง สีฟ้า สีน้ำเงินแถบขาว
ส่วนกุ้งที่อยู่ในตระกูล Procambarus Clarkii Ghost ซึ่งเป็นกุ้งสายพันธุ์ต่างถิ่น ไม่ใช่กุ้งเมืองไทย แต่ถูกนำมาเพาะเลี้ยง และเป็นที่รู้จักกันในนาม กุ้งก้ามหนาม หรือ กุ้งโกสต์ ซึ่งมีลักษณะเด่น ที่หนวดขาว หลังสีน้ำเงิน ตัดขาว หางแดง 5 ดอก ขาขาวสลับแดง หรือบ้านเราเรียกกันว่า โกสต์สีธรรมชาติ มีลักษณะแตกต่างจากกุ้งสายพันธุ์อื่นๆ ที่ลูกออกมายังไงก็ได้ลูกเหมือนกับพ่อแม่ ด้วยลักษณะเด่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันได้ จึงทำให้เกิดการเลี้ยงกุ้งเพื่อสร้างรายได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งได้มีการนำกุ้งสีที่มีลักษณะเด่นต่างๆ มาพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ความสวย จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากโกสต์สีธรรมชาติ จนได้ความสวยงามที่แตกต่างจากโกสต์ดั้งเดิมในปัจจุบัน
โดยเฉพาะกุ้งโกสต์ ที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ที่เหล่าผู้เพาะพันธุ์ต่างขนานนามว่า “โกสต์ด่าง” หรือ “โกสต์วัว” และชื่ออื่นๆ แล้วแต่คนจะเรียกกัน มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวมีสีขาวเป็นสีพื้น และมีสีสันลวดลาย สีอื่นแต่งแต้มเล็กน้อย เหมือนราวกับปูนปั่นสีขาวที่ถูกแต่งเติมสีสัน ลวดลาย มีเอกลักษณ์ จนมีราคาแพง เพราะความมีสีสันโดนเด่น และมีปริมาณไม่พอกับความต้องการของเหล่านักสะสม จึงทำให้มีราคาสูง และมีความคาดหวังอยากจะเพาะพันธุ์ให้ได้สีแบบที่ต้องการ ของเหล่านักเพาะพันธุ์กุ้งสวยงาม และนักสะสม”
โดยช่างเอ บอกว่า นี่จึงกลายเป็นจุดเด่นทางการตลาด เพราะหากไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์ สี ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและมีแต่กุ้งสีเดิมๆ ไม่มีการพัฒนาสีกุ้งให้มีสีโดดเด่น วงการกุ้งก็จะมีแต่กุ้งสีเดิมๆ ไม่พัฒนา อาจส่งผลให้ตลาดกุ้งสวยงามมีความนิยมน้อยลง และตันในที่สุด
จากประสบการณ์ตรง กุ้งโกสต์ด่าง มีโอกาสที่จะเกิดนั้นมีหลายปัจจัยซึ่งอาจหลุดมาประมาณ 5-10% ใน 1 คอก ซึ่งเกิดจากข้อสันนิษฐานมากมาย เช่น ยีนเด่นยีนด้อย และ อัตราการเกิด เชื้อตัวผู้ที่ผสม แม่กุ้งตัวหนึ่งให้ไข่ราว 100-200 ใบ โอกาสเชื้อสีเต็มจะถึงทุกใบ คงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดกุ้งที่มีลักษณะโทนสีมาทาง “ด่าง” หรือสีไม่เต็ม เหมือนพ่อแม่พันธุ์ และสุดท้าย นักพัฒนาก็หาสมมติฐาน ทดลอง เอายีนที่ด่างออกมาชนกับสีเต็มบ้าง เพื่อทดลอง ให้ได้มาซึ่งกุ้ง ที่ถูกใจความต้องการของตลาด และคนที่รู้จริงคือคนที่ผ่านการทดลอง และได้สีโกสต์ด่างตามที่คาดหวังไว้ และสามารถที่จะผลิตออกมาได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับในวงการกุ้งสวยงาม”
แต่หากไม่มีการพัฒนาสีสันและสายพันธุ์ ให้ตรงกับความต้องการของผู้เลี้ยงกุ้งสวยงามในเมืองไทย ก็อาจส่งผลให้ราคาตกต่ำ ผู้สนใจเลี้ยงอาจน้อยลง ผู้เลี้ยงที่อยากก้าวสู่การเป็นนักพัฒนาต้องไม่หยุดนิ่ง ควรหาความรู้ สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ เห็นด้วยตา ทดลองด้วยตนเอง จึงจะประสบความสำเร็จ ช่างเอ กล่าวทั้งยังบอกอีกว่า
“หากต้องการเลี้ยงเพื่อทำเป็นธุรกิจ เขามีเทคนิคว่า 1.ความพร้อมในการเตรียมบ่อ การเพาะพันธุ์เพื่อทดลอง ตู้เลี้ยงเพื่ออนุบาลลูกกุ้งลงเดิน 2.การซื้อลูกกุ้งลงเดิน มาเลี้ยงเพื่อใช้เป็นทุนระยะยาว เพื่อเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ ทั้งยังขายเพื่อเอาทุนขึ้นด้วย 3.การสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการกุ้ง และ4.พัฒนาสายพันธุ์กุ้งให้ตรงกับความต้องการของตลาด มองทิศทางตลาดของกุ้งให้เป็น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร”
ขอขอบคุณเครดิตข้อมูลและภาพจาก : sentangsedtee