หลังสวดวิงวอนต่อพระเจ้าแล้ว ฉันจะปรุงโรตีจาลากับแกงกะหรี่ไก่ เมนูนี้ทำง่ายและเหมาะกับการเติมพลังในมื้อแรกของวัน เคล็ดลับที่แม่ฉันจะย้ำเสมอเวลาใช้เครื่องเทศปรุงอาหารคือต้องนำเมล็ดของเครื่องเทศต่างๆออกก่อนนำไปใช้ เพราะจะทำให้ปวดท้องได้
ส่วนผสมแกงกะหรี่ไก่ (สำหรับ 4 ที่) เตรียม 30 นาที ปรุง 30 นาที
สะโพกและน่องไก่ลอกหนังออกสับเป็นชิ้นเล็ก 300 กรัม
อบเชยยาว 2 เซนติเมตร 1 แท่ง
โป๊ยกั้ก 1 ดอก
ลูกกระวานเทศ (Cardamom) 2 เม็ด
กานพลู 2 ดอก
หอมเล็กปอกเปลือกซอยหยาบ 3 หัว
กระเทียมกลีบใหญ่ปอกเปลือกสับหยาบ 2 กลีบ
ขิงแก่ปอกเปลือกสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ
ผงกะหรี่ 1 - 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิสด 2 ถ้วย
แครอทหั่นชิ้นตามชอบ 1 ถ้วย
มะเขือเทศพันธุ์เนื้อ 1 ลูก
มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นชิ้นตามชอบ 2 หัว
เกลือเล็กน้อย
น้ำมันสำหรับผัดเล็กน้อย
น้ำเปล่าสำหรับผสมผงกะหรี่เล็กน้อย
ส่วนผสมโรตีตาข่าย
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1¼ ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
กะทิหรือนมสด ½ ถ้วย
น้ำเปล่า 1½ ถ้วย
น้ำมันสำหรับทากระทะเล็กน้อย
ใบเตยฉีกฝอยมัดเป็นพู่สำหรับใช้ทาน้ำมัน
Roti Jala Funnel สำหรับโรยแป้งโรตี
ผงขมิ้นสำหรับแต่งสีส่วนผสมเล็กน้อย
เกลือทะเลเม็ดใหญ่ (Rock Salt) ตามชอบ
วิธีทำ
1. ทำแกงกะหรี่ไก่โดยแกะเมล็ดของกระวานเทศ โป๊ยกั้กออก เด็ดกลีบดอกกานพลูทิ้งนำไปล้างพร้อมกับอบเชยให้สะอาด ใส่ลงกระทะผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่กระเทียม หอม และขิงลงผัดจนเป็นสีเหลืองทอง ผสมผงกะหรี่กับน้ำพอข้นแล้วใส่ลงผัดกับส่วนผสมในกระทะจนหอม ใส่ไก่ลงผัดจนเนื้อไก่เริ่มตึงเติมกะทิลงไป เคี่ยวด้วยไฟกลางจนเดือดปรุงรสด้วยเกลือแล้วใส่แครอท มันฝรั่งและมะเขือเทศ รอให้เดือดสักครู่ ปิดไฟ พักไว้
2. ทำโรตีตาข่ายโดยปั่นแป้ง ไข่ กะทิ น้ำ ผงขมิ้น และเกลือในเครื่องปั่นให้เข้ากันดีเทใส่ภาชนะ พักไว้
3. ตั้งกระทะเทฟลอนบนเตาใช้ไฟกลาง นำใบเตยจุ่มน้ำมันทาลงบนกระทะ รอให้ร้อนตักส่วนผสมแป้งใส่ Roti Jala Funnel แล้วโรยส่วนผสมลงบนกระทะให้เป็นตาข่ายสานกันเป็นแผ่นกลมรอจนแป้งด้านล่างเริ่มสุกแซะแป้งกลับด้าน รอสักพักจึงตักแผ่นโรตีขึ้นใส่จานแล้วพับตามชอบเรียงไว้ทำอย่างนี้จนหมดส่วนผสม จัดเสิร์ฟพร้อมแกงกะหรี่ไก่อุ่นๆ
Tips
- สามารถใช้กรวยโรยฝอยทองหรือกรวยใบตองแทน Roti Jala Funnel ได้ หากใช้กรวยโรยฝอยทองทำโรตี เส้นตาข่ายจะเล็ก จึงควรหรี่ไฟให้อ่อนลงเพื่อป้องกันเส้นโรตีไหม้
- ผงกะหรี่ที่ใช้ในสูตรเป็นแบบมาเลย์ ไม่มีขายในเมืองไทย สามารถใช้ผงกะหรี่อินเดียแทนได้ โดยให้ลดปริมาณลงเพื่อให้กลิ่นรสของอาหารไม่แรงจนเกินไปแต่ไม่ควรใช้ผงกะหรี่แบบจีนหรือญี่ปุ่น
ที่มาสูตรและภาพ : นิตยสาร Health&Cuisine พฤศจิกายน, Issue 130