Home »
Uncategories »
7 เหตุผลที่ลูกสมัยนี้ “ไม่อยากคุยกับพ่อแม่”
7 เหตุผลที่ลูกสมัยนี้ “ไม่อยากคุยกับพ่อแม่”
7 เหตุผลที่ลูกสมัยนี้ “ไม่อยากคุยกับพ่อแม่”
ปกติพ่อแม่ที่ทำงานนอกบ้านเป็นประจำ การหาเวลาคุยกับลูก ๆ
ก็มีน้อยเต็มทีอยู่แล้ว ยิ่งในยุคที่มี 4G ใช้กันได้เกือบทั่วประเทศ
ทำให้การสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่นมีบทบาทยิ่งกว่าการพูดคุยกันเสียอีก
กรณีเกิดปัญหาระหว่างพ่อแม่กับลูกที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
มีการสื่อสารไม่ตรงกัน หรือพ่อแม่ไม่เข้าใจลูก
ช่องว่างตรงนี้ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกไม่อ ย า
กคุยกับพ่อแม่ก็ได้
มีหลายปัจจัยในปัจจุบันที่เป็นเหตุผลให้เด็กสมัยนี้ห่างที่จะคุยอย่างเข้าใจกับพ่อแม่มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเขินอาย การอยู่ห่างกัน
การเห็นเพื่อนเป็นที่ปรึกษามากกว่าพ่อแม่
หรือการมีแอพพลิเคชั่นเข้ามาแทนที่การสื่อสารแบบตัวต่อตัว
แต่สิ่งสำคัญที่ลูกไม่กล้าหรืออ ย า
กเข้ามาคุยกับพ่อแม่อาจเกิดจากเหตุผลเหล่านี้หรือเปล่า
1 ประมาณว่าเกรงใจเมื่อเห็นพ่อแม่ทำงานเหนื่อย ใจหนึ่งก็อ ย า
กจะเข้าไปปรึกษาหรือเล่าเรื่องของวันนี้ให้ฟัง
แต่เมื่อเห็นพ่อแม่ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ก็กลัวจะไปสร้างความรำคาญให้
หรือพอจะเข้าไปคุยพ่อแม่กลับไม่สนใจที่จะฟัง
เมื่อเกิดช่องว่างตรงนี้ลูกเลยเลี่ยงที่จะพูดคุยกับพ่อแม่
หรือพ่อแม่แทนที่จะให้เวลากลับลูกหลังกลับบ้านชวนลูกคุยหรือเล่าเรื่องต่าง ๆ
ก็กลับไม่สนใจ
จึงกลายเป็นเกิดระยะห่างระหว่างพ่อแม่กับลูกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
2 เอาเรื่องลูกไปเล่าต่อ
การนำเรื่องที่ลูกไปเล่าต่อหน้าไม่ว่าจะเป็นการพูดเปรียบเทียบในทางไหน
ก็เป็นสาเหตุที่ลูกไม่อ ย า กคุยกะพ่อแม่ในเรื่องของตัวเอง
เพราะรู้สึกอับอายหรือไม่ชอบที่จะให้ถูกพูดถึง
3 พ่อแม่ขี้บ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากช่องว่างระหว่างวัย พ่อแม่อาจจะคิดอีกอย่าง
ลูกอาจจะคิดไม่ตรงกับพ่อแม่ ทำให้เกิดความขัดใจกัน
เมื่อเกิดความไม่พอใจพ่อแม่ก็จะเป็นฝ่ายบ่นลูก ทำให้ลูกไม่อ ย า
กคุยหรือบางทีก็อาจเกิดลุกหนีเข้าห้องของตัวเองไปเลย
4 คอยจ้องจับผิด พอลูกมีปัญหามาเล่า
แทนที่จะรอฟังให้จบหรือถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับคอยมองว่าลูกทำไม่ถูก
หรือฟังแต่ไม่ช่วยลูกแก้ไขปัญหา เจอแบบนี้ต่อไปลูกก็ไม่อ ย า กคุยด้วยแล้ว
5 ไม่ได้ฟังลูกอย่างตั้งใจ เมื่อลูกอ ย า กจะคุยกับพ่อแม่
ก็แค่ฟังให้ลูกพูดจบ ๆ ไป โดยไม่มีปฏิกิริ ย า โต้ตอบ
หรือไม่มองหน้าลูกเอาแต่ทำงานของตัวเอง เมื่อลูกจะแสดงความคิดเห็น
ก็มีทีท่าไม่สนใจ ในเมื่อพ่อแม่ไม่สนใจฟังบ่อย ๆ เข้าลูกก็ไม่อ ย า
กเดินที่จะมาเล่าเรื่องอะไรของตัวเองให้ฟังอีก
6 ทำตัวเป็นนักสืบ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เด็ก ๆ
ก็เช่นกัน โดยเฉพาะลูกที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นมักจะต้องการห้องส่วนตัว
พื้นที่ส่วนตัว การที่พ่อแม่เข้าไปในห้องของลูกโดยไม่บอกกล่าว
หรือแอบไปดูสมุดบันทึกส่วนตัวของลูก
แทนที่จะให้ลูกเล่าเรื่องประจำวันให้ฟัง
หรือตั้งคำถามแบบนักสืบจนลูกอึดอัดและอาจหลบเลี่ยงหน้าที่จะเจอเพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ก็ได้
7 ชวนคุยผิดจังหวะ เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นต่างฝ่ายต่างก็มีเวลาหรือกิจ ก ร ร
ม ที่ต้องทำ จังหวะที่พ่อแม่ว่างอ ย า
กชวนลูกคุยด้วยอาจไม่ลงตัวในเวลาที่ลูกอ ย า กจะพักผ่อน เล่น เกม
อ่านหนังสือ เมื่อถูกขัดจังหวะเข้าแทนที่อ ย า
กจะคุยก็ไม่สนใจที่จะฟังพ่อแม่
เมื่อหาเวลาคุยผิดจังหวะแบบนี้เห็นที่ทางแก้คงต้องขอเวลาลูกในช่วงว่างที่ลงตัว
เพื่อให้เป็นช่วงเวลาทองของครอบครัวที่พ่อแม่ลูกมีเวลาให้กันนะคะ
ขอขอบคุณที่มา จาก pigdaily