Home »
Uncategories »
เลี้ยงไก่ไข่อิสระอารมณ์ดี ไก่มีอายุยืนถึง 3 ปี ไข่ขายได้ราคางาม
เลี้ยงไก่ไข่อิสระอารมณ์ดี ไก่มีอายุยืนถึง 3 ปี ไข่ขายได้ราคางาม
ปัจจุบันกระแสสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับผู้ที่ใส่ใจในการดูแลตัวเอง
โดยเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินอาหารคลีน
หรืออาจจะเป็นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบที่ปลูกแบบระบบอินทรีย์ก็เป็นความมั่นใจของผู้บริโภคมากขึ้น
ซึ่งเดี๋ยวนี้นอกจากพืชที่ปลูกในระบบอินทรีย์แล้ว
แม้แต่สัตว์บางชนิดก็สามารถนำมาเลี้ยงในระบบอินทรีย์ได้อีกด้วย
โดยปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติมีการเลี้ยงด้วยอาหารที่ได้จากพืช
ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยง
จึงส่งผลให้สัตว์ที่เลี้ยงด้วยระบบนี้สามารถทำราคาทางด้านการตลาดที่สูงกว่าการเลี้ยงแบบทั่วไปเป็นเท่าตัว
อย่างเช่นไข่ไก่ที่ผ่านการเลี้ยงในระบบอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม
เพราะสามารถหาซื้อเองได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าที่ขายสินค้าอินทรีย์
หรือถ้าหากอยากมีกิจกรรมยามว่างก็สามารถหาไก่ไข่มาเลี้ยงแล้วเก็บไข่ไว้กินภายในครัวเรือนเองก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประหยัดรายจ่าย
คุณณธรา แย้มพิกุล อยู่ที่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 19 ตำบลด่านช้าง
อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
เป็นเกษตรกรผู้มีความชอบการกินอาหารที่ปลูกในระบบอินทรีย์
โดยผลไม้และผักสวนครัวต่างๆ ที่ปลูกในสวนของเธอนั้น
ทั้งหมดได้มีการปรับเปลี่ยนมาปลูกแบบระบบอินทรีย์
ต่อมาได้นำไก่ไข่มาเลี้ยงให้เป็นไก่ไข่อารมณ์ดี
ในช่วงแรกเพียงแค่คิดว่าจะเก็บไว้กินในครัวเรือน
แต่เมื่อไข่มีจำนวนมากขึ้นจึงนำไปขายเป็นอีกหนึ่งงานที่สร้างรายได้ให้กับเธอได้เป็นอย่างดี
ยึดงานทางการเกษตรเป็นอาชีพ
คุณณธรา เล่าให้ฟังว่า
อาชีพทางการเกษตรเป็นสิ่งที่เธอทำมานานแล้วตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่
โดยพืชส่วนใหญ่เน้นปลูกพืชผักสวนครัวที่ทำเงินให้กับเธอได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนและจัดการพื้นที่สวนใหม่ให้เป็นเกษตรผสมผสานที่อยู่ในระบบอินทรีย์
เพราะมองว่าตั้งแต่ทำเกษตรเป็นอาชีพมา
ชีวิตค่อนข้างสัมผัสกับสารเคมีแทบทุกวัน
จึงได้เกิดความคิดที่อยากจะปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรผสมผสาน
แบบใช้ระบบอินทรีย์เป็นตัวนำในการผลิตสินค้า
“ช่วงนั้นเรารู้สึกว่าการทำเกษตรที่มีเคมีเยอะ
อย่างเช่นพอในสวนมีหญ้าขึ้น เราก็ใช้ยาฆ่าหญ้า
มีโรคแมลงเราก็ใช้สารเคมีช่วยกำจัด ทีนี้ได้มีโอกาสไปตรวจสุขภาพ
ผลก็ออกมาว่าร่างกายเรานี่ค่อนข้างมีสารพิษตกค้าง
ก็เลยมองว่าต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะอย่างน้อยไม่ใช่แค่ตัวเราอย่างเดียว
แม้แต่คนรอบข้างอย่างลูกๆ ก็จะได้ปลอดภัยไปด้วย
จึงได้คิดใหม่ทำใหม่ในเรื่องของการปลูกให้อยู่ในระบบอินทรีย์
รวมไปถึงเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ด้วย” คุณณธรา
เล่าถึงช่วงเวลาของชีวิตในสมัยก่อน
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนทำเกษตรอินทรีย์จึงทำให้ภายในสวนไม่สามารถกำจัดวัชพืชด้วยยาฆ่าหญ้าได้
ทำให้เธอเกิดความคิดที่จะนำไก่ไข่มาเลี้ยงภายในสวน
เพราะไก่สามารถกินหญ้าและเศษผักที่คัดจากการส่งขายได้
จึงเป็นจุดกำเนิดของการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีจนประสบผลสำเร็จและสร้างรายได้ให้กับเธอได้ทุกสัปดาห์
เลี้ยงแบบอิสระเสรี ไก่ไข่มีอายุได้ถึง 3 ปี
ในช่วงแรกที่นำไก่ไข่มาทดลองเลี้ยงภายในสวน คุณณธรา บอกว่า
นำมาซื้ออยู่ที่ 200 ตัว
ต่อมาเมื่อไข่ไก่เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นจึงขยายพื้นที่เลี้ยง
และซื้อไก่ไข่เข้ามาเลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็นระยะ
ซึ่งตอนนี้ไก่ที่เลี้ยงอยู่ภายในสวนมีอยู่ประมาณ 1,000 ตัว
โดยการเลี้ยงจะแบ่งพื้นที่เป็นโซนที่ชัดเจน
คือใช้บริเวณใต้ร่มไม้ของพืชเศรษฐกิจที่โตเต็มที่บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่
ใช้เป็นร่มเงาให้ไก่ได้เดินคุ้ยเขี่ยและหลบแสงแดด
ภายในบริเวณนั้นจะทำโรงเรือนขนาด 4×40 เมตร
ไว้ให้ไก่ได้วางไข่และเป็นพื้นที่หลับนอนในยามค่ำคืน
“ไก่ไข่ที่นำมาเลี้ยงเป็นลูกไก่เล็ก ที่ฟักออกมาได้ประมาณ 1 วัน
เราจะนำมาอนุบาลเองในพื้นที่โรงเรือนก่อน
โดยกกให้อยู่กับแสงไฟเพื่อให้ได้รับความอบอุ่น
อาหารระยะอนุบาลลูกไก่จะให้กินปลายข้าว รำข้าว
และก็เสริมด้วยข้าวโพดบดเข้าไปด้วย โดยให้กินวันละ 2 เวลา พออนุบาลได้อายุ 1
เดือน ก็จะเริ่มปล่อยให้ออกมาเดินเล่นในพื้นที่ที่เตรียมไว้ให้
จากนั้นอาหารก็จะเปลี่ยนเป็นเศษผักที่ได้จากการคัดไซซ์ให้ไก่ได้กินสลับเสริมรำ
ปลายข้าว และข้าวโพดเหมือนเดิม” คุณณธรา บอก
คุณณธรา บอกว่า หลังจากนั้นอีก 6 เดือน
ไก่ที่เลี้ยงทั้งหมดจะเริ่มวางไข่ให้เก็บขายได้
ซึ่งโดยปกติถ้าเลี้ยงแบบอาหารอย่างเต็มที่เพียงอายุ 4
เดือนไก่ก็จะเริ่มวางไข่ได้
แต่เนื่องจากไก่ไข่ของเธอเลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติไม่มีการเร่งในเรื่องของอาหารไก่จึงให้ไข่ช้าหน่อย
แต่มีข้อดีคืออายุไก่จะยืนยาวไปถึง 3 ปี ในเรื่องของการดูแลป้องกันโรคนั้น
คุณณธรา บอกว่า ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะหรือทำวัคซีนให้กับไก่ไข่ที่เลย
เพราะการเลี้ยงเป็นแบบเชิงอินทรีย์และไก่มีพื้นที่เดินเล่นได้มีกิจกรรมคือการคุ้ยเขี่ย
ดังนั้น ในเรื่องของสุขภาพจึงค่อนข้างแข็งแรงและอารมณ์ดี
ไม่มีอาการเครียดของการเลี้ยงในพื้นที่แคบๆ
“ในสวนเรามีสมุนไพร
พอช่วงไหนที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงเราก็จะเน้นให้กินสมุนไพรที่เราปลูกในสวน
เช่น ฟ้าทลายโจร อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เขามีความแข็งแรง
และที่สำคัญช่วงไหนที่มีโรคระบาดเกิดขึ้นไก่ที่เราเลี้ยงก็ไม่ตาย
เพราะโซนที่เราเลี้ยงจะอยู่ใจกลางสวน ดังนั้น
จะไม่มีคนหรืออะไรนำโรคไปสู่ไก่ที่เราเลี้ยงได้
ธรรมชาติก็จะเป็นสิ่งที่ไก่ได้อยู่ด้วย
ความแข็งแรงความมีอารมณ์ดีของไก่เราก็จะทำให้ต้านทานโรคต่างๆ ได้” คุณณธรา
บอก
ซึ่งเฉลี่ยต่อวันจากจำนวนไก่ 1,000 ตัว สามารถเก็บไข่ขายได้อยู่ที่
600-700 ฟอง โดยในช่วงเช้าถึงเที่ยงวันจะให้ไก่อยู่ในบริเวณสำหรับไข่
หลังจากเวลาบ่ายเป็นต้นไปจะปล่อยให้ไปเดินเล่นหาอาหารกินตามโซนแปลงที่จัดไว้
เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลงต่างๆ เป็นการเตรียมพร้อมลงปลูกผักในรอบต่อไป
ไข่ไก่อารมณ์ดี ตลาดรับซื้อตลอดทั้งปี
ในเรื่องของการทำตลาดขายไข่ไก่อารมณ์ดีนั้น คุณณธรา บอกว่า
ในช่วงแรกก็จะมีส่งขายเองตามกำลังของจำนวนผลผลิตที่มี
ต่อมาเมื่อมีการขยายการเลี้ยงเพิ่มจำนวนมากขึ้น
จึงสามารถขยายการตลาดให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ทำให้มีบริษัทที่สนใจในเรื่องของการขายสินค้าอินทรีย์เข้ามาดูวิธีการเลี้ยงและประเมินการจัดการต่างๆ
เพื่อตกลงซื้อขายกันในเชิงการค้าเป็นระบบมากขึ้น
“ช่วงนี้ตลาดไข่ไก่อารมณ์ดีเป็นที่สนใจมากของผู้บริโภค
เพราะจากปัญหาสุขภาพต่างๆ ทำให้คนเริ่มสนใจในเรื่องการดูแลตัวเองมากขึ้น
จึงทำให้อาหารสุขภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา
ยิ่งไข่เป็นวัตถุดิบที่กินได้ทุกวัน
เรื่องการตลาดยังสามารถไปได้ดีในการเลี้ยงระบบแบบนี้
โดยราคาไข่ไก่ขายอยู่ที่ฟองละ 4-5 บาท คละไซซ์กันไปตั้งแต่เบอร์ 0 ถึง
เบอร์ 3 ซึ่งลูกค้าที่ซื้อนำไปประกอบอาหาร
จากที่เคยสอบถามมาเขาก็บอกว่าปรุงอาหารแล้วมีรสชาติที่อร่อย” คุณณธรา
บอกเรื่องการตลาด
ซึ่งไข่ไก่ที่เก็บมาทั้งหมดในแต่ละวันสามารถส่งขายให้ลูกค้าที่เป็นขาประจำอยู่ที่สัปดาห์ละ
200 แผง
และส่วนที่เหลือจากส่งลูกค้าขาประจำก็จะมีตลาดรองรับเป็นโครงการอาหารกลางวันตามโรงเรียนต่างๆ
เพื่อปรุงเป็นอาหารสุขภาพให้กับนักเรียน
สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากจะเลี้ยงไก่ไข่เพื่อสร้างแหล่งอาหารภายในครัวเรือน
คุณณธรา บอกว่า ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงในจำนวนที่มากๆ โดยอาจเริ่มจาก 5-10
ตัวในพื้นที่บริเวณบ้านก่อน
อย่างน้อยอาหารที่เหลือจากครัวเรือนก็ไม่ต้องทิ้งเปล่า
สามารถนำมาให้ไก่กินได้
เมื่อไก่ออกไข่มาให้ได้ทุกวันก็นำไข่มาปรุงอาหารจึงช่วยประหยัดต้นทุนค่ากับข้าวได้อีกหนึ่งช่องทาง
และถ้าไข่ไก่มีจำนวนมากเกินกว่าที่จะกินได้ก็สามารถนำไปขายเกิดเป็นเงินได้อีกด้วย
ผักในสวนที่ตกเกรดจะนำมาต้มให้ไก่กิน
“การทำเกษตรนี่บอกเลยว่าเป็นกิจกรรมยามว่างที่ดี
ถ้าใครที่มีความสนใจอยากทำแต่ไม่กล้าลงมือทำ ก็จะบอกว่าให้ทำเถอะ
ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาทำก็ได้
อย่างน้อยทุกคนในครอบครัวก็จะมีกิจกรรมทำร่วมกัน อย่างที่บ้านลูกๆ
ก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เหมือนสร้างหน้าที่รับผิดชอบให้กับเขา เช่น
เก็บไข่ไก่ เอาอาหารให้ไก่
และก็เสริมด้วยกิจกรรมแปรรูปจากไข่ไก่ที่ตกเกรดมาพัฒนาเป็นขนมต่างๆ ดังนั้น
กิจกรรมเหล่านี้ก็ช่วยทำให้ทุกคนใช้เวลายามว่างด้วยกันในครอบครัวอย่างมีความสุข”
คุณณธรา กล่าวแนะนำ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณณธรา แย้มพิกุล หมายเลขโทรศัพท์ (089) 880-7726
ขอบคุณที่มา:technologychaoban.com