อย่าคบ อย่าช่วย คน 7 ประเภทนี้ ถอยห่างได้เป็นดี

อย่าคบ อย่าช่วย คน 7 ประเภทนี้ ถอยห่างได้เป็นดี

เมื่อคุณให้อะไรกับใครๆ ฟรีๆ และ ให้ไปโดยง่าย

มักจะดูไร้ค่า และ ผู้ได้รับเขากลายเป็นผู้รับจนเป็นนิสัย

อย่างตัวอย่างเรื่องเล่าเรื่องนี้…

มีชายพเนจรคนหนึ่งมาขอเงินที่หน้าบ้านของสมชาย สมชายให้ไป 5 บาท

วันที่ 2 ชายคนนี้ก็มาขออีก สมชายก็ให้ไปอีก 5 บาท

วันที่ 3 ชายคนนี้ก็มาขออีก สมชายก็ให้ไปอีก 5 บาท

สมชายให้ทานแก่ชายคนนี้อย่างนี้ทุกวันเป็นเวลา 1 ปี

อยู่มาวันหนึ่ง สมชายได้ให้เงินชายคนนี้ไป 1 บาท

จากที่เคยได้ 5 บาท พอวันนี้ได้ 1 บาท ชายพเนจรจึงถามสมชายว่า

“ ทำไมวันนี้คุณให้ผมแค่ 1 บาท…? ”

“ ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น…!! ” สมชายตอบออกไป

“ แล้วแกเอาเงินของฉันไปเลี้ยงเมียแกใช่ไหม…? ” ชายพเนจรถามด้วยความโมโห

หลังจากนั้นก็อาลวาดโวยวายใหญ่ เพราะ ได้น้อยลงจากที่เคยได้

คุณเห็นอะไรไหมจากชายพเนจร

เมื่อคุณมักให้อะไรฟรีกับใครๆจนทำให้เขากลายเป็นผู้รับจนเป็นนิสัย

มันไม่ใช่การช่วยเหลือเขา แต่เป็นการทำให้เขาเป็นผู้รับจนติดเป็นนิสัย

คล้ายๆกันหลายครั้ง เราเคยช่วยเหลืออะไรญาติพี่น้องไปแบบนี้

จนญาติพี่น้องเรากลายเป็นผู้รับจนติดนิสัย เมื่อวันหนึ่งเราลำบากขึ้นมา

ไม่สามารถช่วยเหลือเข้าได้เท่าที่ควร หรือ เราไม่ให้ความช่วยเหลือ

ไม่ว่าที่ผ่านมา คุณจะเคยช่วยเหลือเขามากี่สิบครั้ง

เขาไม่จำ ครั้งเดียวที่เขาจำได้คือ ครั้งที่คุณไม่ได้ช่วย

คุณจะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจในสายตาของเขาทันที

ยังไม่พอ เอาเราไปเที่ยวป่าวประกาศว่า ได้ดีแล้วลืมญาติ ลืมพี่ ลืมน้อง

หาว่าเราแล้งน้ำใจ ไม่เคยช่วยเหลือ เห็นไหม ยิ่งช่วยยิ่งเปลืองตัว

คน 7 ประเภทที่ควรเลิกคบหา เสียเวลาชีวิต…!!!

1. ขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

เป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อนเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่หากเจอเพื่อนประเภทแบบว่าให้ช่วยทุกเรื่อง ช่วยแทบจะ 24 ชั่วโมง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ลงมือทำเองได้ก็ไม่ทำ รอให้คนอื่นช่วยตลอด พอไม่ช่วยก็มีอาการขุ่นเคืองโน่นนี่นั่น อย่าเสียเวลาเลยแบบนี้ยิ่งช่วยยิ่งเปลือกตั ว เก็บน้ำใจไว้ใช้กับคนที่มีความเกรงใจจะดีกว่า

2.ไม่รู้จักขอบเขต ไม่มีความเกรงใจ

ถึงจะบอกว่าสนิทกันแค่ไหน ควรเว้นระยะ และเข้าใจคำว่า พื้นที่ส่วนตัวด้วย ถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเท่าไหนถึงเรียกว่าไม่ล่วงเกินขอบเขต เอาหลักง่ายๆ ไม่อยากให้ใครทำกับเราแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้น แต่กับบางคนเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ทำน่ะมันเกินขอบเขต บางครั้งเราอาจจะพูดกับเพือนไปตรงๆ แต่ก็อย่าใช้คำพูดรุนแรง หรือถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง เขายังทำแบบเดิมซ้ำๆ แบบนี้ก็อยู่ห่างๆกันจะดีกว่า

3. ยืมเงินแต่ไม่คืน

มีหลายคนแล้วที่ต้องแตกหักกันเพราะเรื่องเงิน เป็นเพื่อนกันยามเดือดร้อนถ้าช่วยเหลือได้ก็สมควรที่จะช่วยเหลือกันค่ะ แต่ในกรณีที่ถ้าเพื่อนคนไหนมายืมเงินเราบ่อยๆ แต่เวลาคืนกลับทำเหมือนไม่อยากคืน และแกล้งทำเป็นลืมๆ ผลัดวันประกันพรุ่งบ่อยๆ แบบนี้เสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อน

4. เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง

รับฟังความต่างไม่ได้ ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร บางครั้งสิ่งที่คนเราคิดอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป คนรอบข้างที่เขาเตือนก็ควรจะรับฟัง แล้วเอามาไตร่ตรองดู ไม่ใช่ไม่ฟังใคร ไม่เปิดใจ ดีแต่จะให้คนรอบข้างฟัง และทำตามอย่างที่ตัวเองคิดเพียงอย่างเดียว คนที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักพูด พร้อมกับขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักฟังเพื่อนด้วย ไม่ใช่เอาแต่ความคิด และตัวเองเป็นที่่ตั้ง ใครเขาจะอยากร่วมเคียงข้างไปกับคุณได้ทุกเวลา

5. ชวนไปทำแต่อะไรที่ไม่ดี

กิจกรรมห่ามๆ เชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนก็คงอยากลอง แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่องเลวๆ ไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจกรรมอะไรสร้างสรรค์ แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก ขั้นแรกก็เตือนเพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด

6. พูดว่าตำหนิแต่คนอื่น

ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา หรือถูกพูดลับหลังก็จริง จะว่าไปมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพูดถึงคนอื่น แต่สำหรับคนที่เจอทีไรก็ไม่มีเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ มาพูดมาคุยบ้าง มีแต่เรื่องว่าคนอื่นล้วนๆ คนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่ดี ว่าแต่คนอื่น จ้องจับผิดแต่คนอื่นไปทั่ว มีอยู่คนเดียวที่ดีคือตัวเอง

7. กินเผือกเป็นนิจ

หวังดีกับเผือกมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ กรณีจะว่าไปก็อยู่ในหมวดไม่รู้จักขอบเขตของสถานความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนก็ได้เช่นกัน คืองี้นะจะบอกให้ว่า หวังดี เป็นห่วงเพื่อนน่ะ มันเป็นสิ่งที่ เป็นคุณสมบัติของเพื่อนคนนึงที่ควรทำ หากน้องๆ ย้อนถามว่าไหนบอกว่าไม่ชอบแบบไหนก็อย่าทำแบบนั้น หนูชอบแบบนี้เลยทำกับเพื่อนไง แต่บางทีเรื่องส่วนตัวเขาเราก็ควรดูปฏิกิริยาเพื่อนด้วยว่าเขาแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำมั้ย อย่าให้เขาต้องอึดอัด เพราะอย่างที่บอก ความหวังดีของเราจะกลายดูเป็นเพื่อนที่โคตรเผื่อกบอกเลย

Cr. เพจ : อ่านเองนะ