ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน (นิทานปรัมปราเล่าต่อๆ กันมาเกินร้อยกว่าปี)

ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน (นิทานปรัมปราเล่าต่อๆ กันมาเกินร้อยกว่าปี)
ขุนคีรีนี่หรือคือซากรัก
หญิงอกหักธิดาสาวเจ้าเชียงรุ้ง
รักวิบัติจึงพลัดพรากหนีจากกรุง
นางหมายมุ่งมาถิ่นดินแดนไกล
ทัพบิดายกมาทันหวาดหวั่นจิต
คร่ำครวญคิดถึงคนรักจักทำไฉน
คืนพม่าท่าจะม้วยด้วยอาลัย
ยอมตักษัยให้รู้อยู่มังราย
นางใช้ปิ่นปักผมทิ่มแทงขมับ

ชีพลาลับเลือดกระเซ็นเป็นเส้นสาย
เป็นขุนน้ำนางนอนไหลไม่ขาดคลาย
ร่างวางวายกลายเป็นเขาแสนเศร้าเอย
เด็กๆ ทีมฟุตบอลและโค้ชรวม 13 คนที่หลงเข้าไปในถ้ำหลวงหลายวันแล้ว
ขอพระวิญญาณของราชธิดาแห่งเชียงรุ้งได้ทรงช่วยดูแลคุ้มครองปกปักรักษา
ให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยและขอได้ส่งคืนให้ถึงบิดามารดาของเขาด้วยเทอญ!!
ผีเจ้าป่า! ผีเจ้าเขา! ที่เฝ้าถ้ำ ขอได้ช่วยกันพาเด็กๆ ออกมาส่งคืนอย่างปลอดภัยด้วยเถิด
อย่าได้ทำอันตรายพวกเขา พวกเขาไม่ใช่ทหารที่ตามล้างแค้นคนรักพระนาง
อย่าได้ก่อเวรก่อกรรมต่อกันอีกเลย
……………………………
#เล่ากันว่า !!
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนา มีราชธิดาองค์หนึ่งทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่ง แอบรักกับชายเลี้ยงม้า ซึ่งเป็นการผิดกฏตามโบราณราชประเพณี แต่ด้วยความรักที่มีต่อกัน ทั้งสองได้แอบรักกันมาจนกระทั่ง พระราชธิดาเกิดตั้งครรภ์ เห็นจะปิดความไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงหลบหนีตามกันมา พระราชบิดารู้ความเกิดความอับอายที่พระราชธิดาใฝ่ต่ำ ก็ส่งทหารไล่ติดตาม
ทั้งสองระหกระเหินเดินป่า จนถึงร่มไม้ใกล้ขุนเขาทึบแห่งหนึ่ง ราชธิดาซึ่งทรงพระครรภ์ได้หลายเดือนแล้วเสด็จต่อไปไม่ไหว จึงบอกชายคนรักว่าไปต่อไม่ไหว หิว และเหนื่อยอ่อน จะขอพักก่อน ชายหนุ่มก็บอกนางว่า ให้รออยู่ที่นี้จะไปหาอาหารมาให้ อย่าได้เสด็จไปไหน แล้วชายหนุ่มก็เข้าป่าไปหาอาหาร
กองทหารเชียงรุ้งตามมาทันเห็นชายเลี้ยงม้าในป่าก็เข้ารุมฟันแทง เสียชีวิตอยู่กับที่ ฝ่ายพระราชธิดารอชายคนรักจนเย็นมืดค่ำก็ไม่เห็นกลับมา ชะแง้เก้อชะเง้อคอยอยู่นาน ก็เห็นกองทหารของพระราชบิดาออกมาจากชายป่า เข้าล้อมพระราชธิดาไว้ แล้วทูลเชิญกลับไปยังนครเชียงรุ้ง พระราชธิดาสังหรณ์พระทัยว่าชายคนรักจะเป็นอันตรายเสียแล้ว จึงตรัสถามทหารว่าเห็นชายหนุ่มหรือไม่ ทหารก็ทูลตอบว่า.. ได้จัดการปลิดชีพเสียแล้วตามรับสั่งมา
เมื่อทรงทราบดังนั้นพระราชธิดาทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ทรงกรรแสง คร่ำครวญ เกลือกกลิ้งอยู่กลับพื้น ประหนึ่งคนบ้า เมื่อได้สติทรงใคร่ครวญเห็นว่าคนรักก็ได้เสียชีวิตจากไปแล้ว จะเสด็จกลับนครเชียงรุ้งก็คงถูกราชอาญาสาหัส อีกทั้งทรงครรภ์กับชายเลี้ยงม้า ชาวเมืองคงจะดูแคลนไปจนตลอดพระชนม์ จึงตั้งสัจจะอธิษฐานเอาความรักอันบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง ดึงปิ่นที่ปักพระเกศาออกมา แทงพระขมับของพระองค์เองจนโลหิตไหลออกมาเป็นสาย สิ้นพระชนม์อย่างสงบอยู่ตรงนั้น

สายพระโลหิตที่ได้หลั่งไหลออกมา ได้กลายมาเป็นต้นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ ส่วนพระวรกายของพระราชธิดาที่นอนเหยียดยาวจากใต้จรดเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจวบจนทุกวันนี้ อิตถีเพศของพระนางกลายเป็นถ้ำหลวง และส่วนของพระอุทรที่ทรงครรภ์ก็เป็นดอยตุง ส่วนที่เป็นพระเศียรกลายเป็นดอยท่า (ปัจจุบันเรียกดอยจ้อง) พระถันกลายเป็นดอยอีกลูกหนึ่งขึ้นมา เรียกว่าดอยแม่ย่า

ขอบพระคุณแหล่งที่มา : อาจารย์พรชัย เขียวสาคู