จากเหตุการณ์ของถ้ำหลวง ดอยนางนอน
จ.เชียงราย ที่ได้รับคำล่ำลือกันว่าเป็นถ้ำอาถรรพ์
แต่ใช่ว่าในประเทศไทยจะมีถ้ำอาถรรพ์เพียงถ้ำเดียว
ยังมีอีกหลายถ้ำที่ถูกล่ำลือจากชาวบ้านว่าเป็นถ้ำอาถรรพ์
และแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวบ้านได้พบเห็น
กำนันบุญสืบ เปิดเผยว่า เกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่านับร้อยปีมาแล้ว แต่เดิมมีการเล่าสืบต่อกันมาว่าในอดีตภายในถ้ำชาวบ้านสามารถเข้าไปหยิบยืมถ้วยชาม ออกมาใช้ในงานบุญของหมู่บ้าน แต่ปรากฏว่าพอชาวบ้านบางรายนำถ้วยชามออกไปใช้แล้วแต่ไม่ยอมนำมาส่งคืน และแตกหักเสียหาย ตั้งแต่นั้นปากถ้ำก็เริ่มปิดลงเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ แผ่นหินด้านหน้าปากถ้ำเคลื่อนที่เข้าหากันจนเหลือความกว้างเพียง 50 ซม. และยังมีแผ่นหินเคลื่อนปิดลงปิดปากถ้ำไว้จนเข้าไปภายในไม่ได้อีก โดยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์ที่ดูแลทรัพย์สินภายในถ้ำไม่พอใจชาวบ้านที่ไม่ยอมรักษาของที่ยืมไปใช้ และไม่นำมาคืนจึงปิดปากถ้ำไม่ให้เข้าไปได้อีกเลย และที่ผ่านมาเคยเกิดไฟป่าลุกลามไปทั่วบริเวณรอบๆ ถ้ำ แต่ปรากฏว่าไฟไม่ลามเข้าไปไหม้ในรัศมีของถ้ำเลย จึงเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์คอยคุ้มครองอยู่จึงรอดจากไฟป่ามาได้ ที่ผ่านมาได้มีพระสงฆ์มาพักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวตามลำพัง แต่ต่อมาก็ได้ผูกคอจนมรณภาพบนต้นไม้ข้างถ้ำดังกล่าว จึงถูกปล่อยให้ร้างไป เหลือเพียงเศษซากของกุฏิ
ด้านนายไพโรจน์ วงศ์ตรุษ อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เขาถ้ำ ได้เปิดเผยว่า ชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์จากสิ่งศักดิ์ที่ปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้มาแสดงให้เห็นและได้ยิน ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านต่างก็ไม่กล้าย่างกรายขึ้นไปเพราะกลัวอาถรรพ์ เพราะที่ผ่านมาใครที่เก็บของจากเขาแห่งนี้ลงมาจะพบกับวิญญาณมาทวงคืน จนต้องนำมาคืนที่เดิม และยังมีความเชื่อว่าเป็นสถานที่เก็บสมบัติของคนโบราณ ที่อาจจะหนีภัยสงครามหรือภัยพิบัติธรรมชาติ โดยมีวิญญาณมาเฝ้าสมบัติอยู่
จะเล่าตอนกำลังนำร่างขึ้นมาจากใต้น้ำ คือระหว่างที่พบร่างแล้วที่ความลึก45ม.ก็ใช้มือช้อนไปที่แขนร่างแล้วนำขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่ระหว่างที่จะถึงผิวน้ำอีก15ม. ตัวผมกับร่างก็ไปติดกับกิ่งไม้ใหญ่เป็นพุ่มกว้าง ไม่สามารถขึ้นไปได้ จึงได้แกะอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่หลุด จึงตัดสินใจปล่อยมือจากร่างให้หลุดลงไปยังเบื้องล่างใต้น้ำอีกครั้ง แต่ระหว่างที่ปล่อยมือร่างลงเบื้องล่างก็ฉายไฟตามลงไปด้วย!
ทันใดนั้นสิ่งที่เห็นเบื้องล่างใต้น้ำ ผมแทบไม่เชื่อสายตา! นายเฉลิมพนธ์ ประธาน เห็นเป็นผู้ชายแก่ผมยาวแหงนหน้ามองขึ้นมาทางผมดูหน้าตาเรียบเฉย เขาคิดในใจว่า “ก๊าซไนโตรเจน ในถังทำผมแล้ว” แต่พอฉายไฟไปอีกทีก็เห็นเหมือนเดิม ดังนั้นผมเลยไม่มองลงไปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาแกะกิ่งไม้ออกแล้วขึ้นมาบนผิวน้ำทันทีโดยไม่เล่าให้ใครฟัง(กลัวเขาว่าเราบ้า อีกอย่างกลัวลูกน้องไม่กล้าลงไป)
พอขึ้นมาก็วางแผนกันโดยดำลงไปเอาเชือกผูกร่างแล้วช่วยกันดึงขึ้นมาจนสำเร็จ นำร่างส่งร.พ.ท่ากระดานเพื่อชันสูตรต่อไป ระหว่างเดินทางกลับบ้านทีมงานดำน้ำชุดที่มาก่อนเมื่อคืนเล่าให้ฟังว่า เจ้าของแพบอกว่าที่ตรงนี้แรงมากมีถ้ำใต้น้ำชื่อ ถ้ำลั่นทม มีคนมาเสียชีวิตที่นี่หลายรายแล้ว เป็นที่อยู่ของ “พญานาคราช” ไม่มีใครกล้ามาแถวนี้หรอก แพที่มาจอดตรงนี้แขกที่มาเที่ยวจะเจออาถรรพ์ทุกราย ซึ่งตรงกับที่ทีมงานของพิทักษ์กาญจน์ เจอมาแล้วเมื่อคืน! ใครหลับก็จะฝันว่ามีเด็กหลายคนมาวิ่งเล่นในแพ ทำให้ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทั้งคืน
ถ้าจะให้พบร่างจะต้องจุดธูป16ดอก ขอขมาก่อน แล้วตอนที่พบร่างจะมีน้ำวนอยู่ตรงที่พบตลอดเวลา ซึ่งทุกคนบอกตรงกันว่าตอนที่ลงไปค้นหาจนพบร่างแล้วกำลังนำขึ้น น้ำตรงนั้นวนแรงมากไม่ใช่พรายน้ำที่เราหายใจออกอย่างแน่นอน! ทุกคนที่เห็นพากันตะลึง แต่ก็ไม่มีใครเล่าให้ฟังจนกระทั่งระหว่างเดินทางกลับถึงมาเล่าให้ฟัง…เรื่องที่เจอเป็นเรื่องจริงไม่ได้ปรุงแต่ง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ว่ากันไม่ได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งเร้นลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้มีจริงๆ!!!
ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากเฉลิมพนธ์ ประธาน ประดาน้ำ ภาคเจ็ด
มีคนใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Teera Saengsuradej ได้โพสต์ข้อความถึงถ้ำพญานาคของวัดสิงโตว่าอยากรู้ข้อเท็จจริงเลยต้องเข้ามาพิสูจน์ โดยเล่าต่อว่าบรรยากาศภายในถ้ำเจ้าอาวาสวัดเขาสิงโต ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จะเห็นรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ฤาษีภุชงนาคา ซึ่งเป็น 1 ใน พญานาค ?จะว่าประทับอยู่ในถ้ำลงไปประมาณ 50 เมตร อากาศอับชื้น มีไฟหลอดเป็นระยะๆ เมื่อเดินไปถึงถ้ำน้ำทิพย์จะรู้สึกหลอนๆ
ถ้ำพระนาง เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือไม้แกะสลักที่เรียกว่า ปลัดขิก มีขนาดและ สีสันที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆ ในโลก
มีเรื่องเล่าของชาวบ้านแสดงให้เห็นว่าสมัยก่อน มีเรือพระราช จมนอกชายฝั่งคาบสมุทร และมีพระนาง กับเจ้าหญิง ชาวอินเดียชื่อ ศรีกุลเทวีลอยอยู่บนกระดาน เพราะเธอจมน้ำไปพร้อมกับเรือในทะเลซึ่งเชื่อกันว่า ชีวิตของ เธอไม่เคย สมหวังในเรื่อง ต่างๆ และยังเชื่อกับว่าวิญญาณของเธอได้สิงสถิตย์อยู่ที่ศาลแห่งนี้จนถึงบัดนี้ เป็นที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้านที่นี่ ว่าวิญญาณของ พระนาง(เทพธิดา)อยู่ในถ้ำนี้ชาวประมงก่อนที่จะออกไปทะเลจำเป็นที่จะต้องมา ขอพรจากพระนางก่อนแล้วจะ โชคดี และเชื่อว่าสมปรารถนา
การทำพิธี บนจะทำที่ศาลเจ้าส่วนใหญ่จะ
เป็นอาหาร และดอกไม้
ธูปเทียนแต่โดยปกติแล้วเชื่อว่าเทพธิดาต้องได้รับสิ่งตอบแทนเป็นพิเศษ คือ
ปลัดขิก คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร
ไม่ว่าจะศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลามที่มีความเชื่อเรื่องของ ปลัดขิก
ที่ศักดิ์สิทธิ์ และหากสร้าง ถวายศาลเจ้า
เชื่อว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง คนในท้องถิ่น ถ้ำพระนาง
ถือว่ามีความสำคัญทางจิตวิญญาณที่ดีสำหรับพวกเขา
ชาวประมงเหล่านั้นที่นับถือศาสนาอิสลามจะบูชา
และมีความเชื่อโดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นศาสนาใด
พวกเขาเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง และเชื่อมั่นว่าโชคชะตาและ
ความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขาจะเชื่อมโยงไปยังที่ของเจ้าหญิงในตำนาน
นายสลัต อุคำ ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ถ้ำพุงจะเป็นถ้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน ภายในถ้ำมีลานหินและโพลงขนาดใหญ่ จุคนได้ราว ๆ 50 คน เมื่อถึงฤดูแล้งชาวบ้านก็มักไปหากบหาเขียด แต่พอถึงฤดูฝนถ้ำนี้จะมีน้ำท่วมขังชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปกลัวว่าจะได้รับอันตราย และชาวบ้านที่นี่ก็เชื่อว่ามีเหล็กไหล เพราะมีคนเคยเห็น แต่ไม่มีใครกล้านำออกมาเพราะกลัวอาถรรพ์
ขอบพระคุณแหล่งที่มา : sanook
1. ถ้ำหมู่บ้านกระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง
ถ้ำนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นายบุญสืบ แกล้วกล้า กำนันตำบลกระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง ในความร่ำลือถึงอาถรรพ์ของถ้ำแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในป่าชุมชนของหมู่บ้านกระแสบน หมู่ 8 ต.กระแสบน โดยร่ำลือว่ามีเสียงดนตรีไทยดังในช่วงกลางดึก พบดวงไฟลอยอยู่เหนือถ้ำ ซึ่งในปัจจุบันยังคงได้ยินกันอยู่ ชาวบ้านกล่าวขานร่ำลือว่าจะได้ยินในช่วงวันพระใหญ่ ซึ่งเสียงดนตรีนั้นก็คือเสียงระนาดไทยบรรเลงดังก้องพอขึ้นมาดูเสียงระนาดก็เงียบไปกำนันบุญสืบ เปิดเผยว่า เกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่านับร้อยปีมาแล้ว แต่เดิมมีการเล่าสืบต่อกันมาว่าในอดีตภายในถ้ำชาวบ้านสามารถเข้าไปหยิบยืมถ้วยชาม ออกมาใช้ในงานบุญของหมู่บ้าน แต่ปรากฏว่าพอชาวบ้านบางรายนำถ้วยชามออกไปใช้แล้วแต่ไม่ยอมนำมาส่งคืน และแตกหักเสียหาย ตั้งแต่นั้นปากถ้ำก็เริ่มปิดลงเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ แผ่นหินด้านหน้าปากถ้ำเคลื่อนที่เข้าหากันจนเหลือความกว้างเพียง 50 ซม. และยังมีแผ่นหินเคลื่อนปิดลงปิดปากถ้ำไว้จนเข้าไปภายในไม่ได้อีก โดยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์ที่ดูแลทรัพย์สินภายในถ้ำไม่พอใจชาวบ้านที่ไม่ยอมรักษาของที่ยืมไปใช้ และไม่นำมาคืนจึงปิดปากถ้ำไม่ให้เข้าไปได้อีกเลย และที่ผ่านมาเคยเกิดไฟป่าลุกลามไปทั่วบริเวณรอบๆ ถ้ำ แต่ปรากฏว่าไฟไม่ลามเข้าไปไหม้ในรัศมีของถ้ำเลย จึงเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์คอยคุ้มครองอยู่จึงรอดจากไฟป่ามาได้ ที่ผ่านมาได้มีพระสงฆ์มาพักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวตามลำพัง แต่ต่อมาก็ได้ผูกคอจนมรณภาพบนต้นไม้ข้างถ้ำดังกล่าว จึงถูกปล่อยให้ร้างไป เหลือเพียงเศษซากของกุฏิ
ด้านนายไพโรจน์ วงศ์ตรุษ อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เขาถ้ำ ได้เปิดเผยว่า ชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์จากสิ่งศักดิ์ที่ปกปักษ์รักษาถ้ำแห่งนี้มาแสดงให้เห็นและได้ยิน ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านต่างก็ไม่กล้าย่างกรายขึ้นไปเพราะกลัวอาถรรพ์ เพราะที่ผ่านมาใครที่เก็บของจากเขาแห่งนี้ลงมาจะพบกับวิญญาณมาทวงคืน จนต้องนำมาคืนที่เดิม และยังมีความเชื่อว่าเป็นสถานที่เก็บสมบัติของคนโบราณ ที่อาจจะหนีภัยสงครามหรือภัยพิบัติธรรมชาติ โดยมีวิญญาณมาเฝ้าสมบัติอยู่
2. เรื่องเล่า ถ้ำลั่นทม เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี
สำหรับเรื่องความเร้นลับของถ้ำลั่นทม เริ่มจากข่าวว่าเมื่อคืนวันที่ 12 เม.ย.58 เวลาเที่ยงคืนได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายใต้น้ำเป็นนักท่องเที่ยวชาวพม่าเป็นชาย1รายมากัน5คนได้เช่าแพท่องเที่ยว(แพลาก)ออกไปล่องห่างจากฝั่งประมาณ 3 ก.ม.แล้วก็ได้ผูกแพไว้เพื่อพักผ่อน1คืน ซึ่งตรงที่ผูกแพพักกันนั้น ห่างไปเล็กน้อยก็จะถึง ถ้ำลั่นทม เป็นถ้ำที่อยู่ใต้น้ำกว้างและลึกมาก เฉลิมพนธ์ ประธาน ประดาน้ำ ภาคเจ็ด ซึ่งเป็นคนเล่าเรื่องได้เล่าว่าเคยลงไปสำรวจแล้วแต่เข้าไปไม่ถึงก้นถ้ำแต่ มาเจออาถรรพ์ก่อน! ไม่มีใครกล้ามาผูกแพพักแถวนี้จะเล่าตอนกำลังนำร่างขึ้นมาจากใต้น้ำ คือระหว่างที่พบร่างแล้วที่ความลึก45ม.ก็ใช้มือช้อนไปที่แขนร่างแล้วนำขึ้นไปบนผิวน้ำ แต่ระหว่างที่จะถึงผิวน้ำอีก15ม. ตัวผมกับร่างก็ไปติดกับกิ่งไม้ใหญ่เป็นพุ่มกว้าง ไม่สามารถขึ้นไปได้ จึงได้แกะอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่หลุด จึงตัดสินใจปล่อยมือจากร่างให้หลุดลงไปยังเบื้องล่างใต้น้ำอีกครั้ง แต่ระหว่างที่ปล่อยมือร่างลงเบื้องล่างก็ฉายไฟตามลงไปด้วย!
ทันใดนั้นสิ่งที่เห็นเบื้องล่างใต้น้ำ ผมแทบไม่เชื่อสายตา! นายเฉลิมพนธ์ ประธาน เห็นเป็นผู้ชายแก่ผมยาวแหงนหน้ามองขึ้นมาทางผมดูหน้าตาเรียบเฉย เขาคิดในใจว่า “ก๊าซไนโตรเจน ในถังทำผมแล้ว” แต่พอฉายไฟไปอีกทีก็เห็นเหมือนเดิม ดังนั้นผมเลยไม่มองลงไปแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาแกะกิ่งไม้ออกแล้วขึ้นมาบนผิวน้ำทันทีโดยไม่เล่าให้ใครฟัง(กลัวเขาว่าเราบ้า อีกอย่างกลัวลูกน้องไม่กล้าลงไป)
พอขึ้นมาก็วางแผนกันโดยดำลงไปเอาเชือกผูกร่างแล้วช่วยกันดึงขึ้นมาจนสำเร็จ นำร่างส่งร.พ.ท่ากระดานเพื่อชันสูตรต่อไป ระหว่างเดินทางกลับบ้านทีมงานดำน้ำชุดที่มาก่อนเมื่อคืนเล่าให้ฟังว่า เจ้าของแพบอกว่าที่ตรงนี้แรงมากมีถ้ำใต้น้ำชื่อ ถ้ำลั่นทม มีคนมาเสียชีวิตที่นี่หลายรายแล้ว เป็นที่อยู่ของ “พญานาคราช” ไม่มีใครกล้ามาแถวนี้หรอก แพที่มาจอดตรงนี้แขกที่มาเที่ยวจะเจออาถรรพ์ทุกราย ซึ่งตรงกับที่ทีมงานของพิทักษ์กาญจน์ เจอมาแล้วเมื่อคืน! ใครหลับก็จะฝันว่ามีเด็กหลายคนมาวิ่งเล่นในแพ ทำให้ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทั้งคืน
ถ้าจะให้พบร่างจะต้องจุดธูป16ดอก ขอขมาก่อน แล้วตอนที่พบร่างจะมีน้ำวนอยู่ตรงที่พบตลอดเวลา ซึ่งทุกคนบอกตรงกันว่าตอนที่ลงไปค้นหาจนพบร่างแล้วกำลังนำขึ้น น้ำตรงนั้นวนแรงมากไม่ใช่พรายน้ำที่เราหายใจออกอย่างแน่นอน! ทุกคนที่เห็นพากันตะลึง แต่ก็ไม่มีใครเล่าให้ฟังจนกระทั่งระหว่างเดินทางกลับถึงมาเล่าให้ฟัง…เรื่องที่เจอเป็นเรื่องจริงไม่ได้ปรุงแต่ง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ว่ากันไม่ได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งเร้นลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้มีจริงๆ!!!
ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากเฉลิมพนธ์ ประธาน ประดาน้ำ ภาคเจ็ด
3. ถ้ำพญานาค วัดเขาสิงโต ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว
ถ้ำนี้ก็เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเลื่องลือในเรื่องของความอาถรรพ์ มีประชาชนเดินทางมาจุดธูปเพื่อบูชาพญานาคจากถ้ำงูใหญ่ ด้านทิศตะวันตก ซึ่งถูกปิดถาวรเป็นเวลานาน และไม่มีใครกล้าเข้าไปภายใน เนื่องจากมีผู้คนพบเห็นรอยเข้า-ออก กว้างประมาณ 1 ฟุต ทุกวันโกนเชื่อว่าจะเป็นงูใหญ่หรือพญานาค พร้อมทั้งเกิดนิมิตกับผู้มีญาณให้อัญเชิญพญานาค มาสถิตยังถ้ำวัดเขาสิงโตก่อนหน้านี้หลายราย ทั้งนี้เชื่อกันว่า ภายใต้ภูเขาซึ่งเป็นถ้ำทะเล มีน้ำท่วมขับตลอดทั้งปี จะเชื่อมต่อกันได้ จึงกลายเป็นที่มาของการอัญเชิญพญานาคมาสถิตเหนือถ้ำทะเล วัดเขาสิงโตมีคนใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Teera Saengsuradej ได้โพสต์ข้อความถึงถ้ำพญานาคของวัดสิงโตว่าอยากรู้ข้อเท็จจริงเลยต้องเข้ามาพิสูจน์ โดยเล่าต่อว่าบรรยากาศภายในถ้ำเจ้าอาวาสวัดเขาสิงโต ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จะเห็นรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ฤาษีภุชงนาคา ซึ่งเป็น 1 ใน พญานาค ?จะว่าประทับอยู่ในถ้ำลงไปประมาณ 50 เมตร อากาศอับชื้น มีไฟหลอดเป็นระยะๆ เมื่อเดินไปถึงถ้ำน้ำทิพย์จะรู้สึกหลอนๆ
4. หาดถ้ำพระนาง อยู่ในเขต ต.อ่าวนาง จะกระบี่
เป็นถ้ำอัศจรรย์ที่ต้องเดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของ พระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองไทยถ้ำพระนาง เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือไม้แกะสลักที่เรียกว่า ปลัดขิก มีขนาดและ สีสันที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆ ในโลก
มีเรื่องเล่าของชาวบ้านแสดงให้เห็นว่าสมัยก่อน มีเรือพระราช จมนอกชายฝั่งคาบสมุทร และมีพระนาง กับเจ้าหญิง ชาวอินเดียชื่อ ศรีกุลเทวีลอยอยู่บนกระดาน เพราะเธอจมน้ำไปพร้อมกับเรือในทะเลซึ่งเชื่อกันว่า ชีวิตของ เธอไม่เคย สมหวังในเรื่อง ต่างๆ และยังเชื่อกับว่าวิญญาณของเธอได้สิงสถิตย์อยู่ที่ศาลแห่งนี้จนถึงบัดนี้ เป็นที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้านที่นี่ ว่าวิญญาณของ พระนาง(เทพธิดา)อยู่ในถ้ำนี้ชาวประมงก่อนที่จะออกไปทะเลจำเป็นที่จะต้องมา ขอพรจากพระนางก่อนแล้วจะ โชคดี และเชื่อว่าสมปรารถนา
5. ถ้ำพุง จ.มุกดาหาร
ถ้ำดังกล่าวอยู่ในป่าลึก ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเดินลัดเลาะโขดหิน ประมาณ 500 เมตร จากปากถ้ำ ชาวบ้านเชื่อว่าภายในถ้ำพุงนั้น มีเหล็กไหล จึงได้คิดเข้าไปเอาเป็นสมบัติของตนเอง จนมีข่าวหลายครั้งว่าชาวบ้านที่เข้าไปเอานั้นไม่สามารถออกมาได้ ตัวอย่างเช่น นายเงิน นายสงบ และนายธนโชติ ได้พากันเข้าไปเอาเหล็กไหลภายในถ้ำ แม้ว่าก่อนเข้าก็ได้จุดเทียนขอขมาเจ้าที่เรียบร้อย ในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นจากความช่วยเหลือของพระชัยชนะ กิตติสาโร วัดภูสร้างดำน้ำเข้าไปช่วยถึง 2 เที่ยวจึงได้เจอร่างคนนายสลัต อุคำ ผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ถ้ำพุงจะเป็นถ้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน ภายในถ้ำมีลานหินและโพลงขนาดใหญ่ จุคนได้ราว ๆ 50 คน เมื่อถึงฤดูแล้งชาวบ้านก็มักไปหากบหาเขียด แต่พอถึงฤดูฝนถ้ำนี้จะมีน้ำท่วมขังชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปกลัวว่าจะได้รับอันตราย และชาวบ้านที่นี่ก็เชื่อว่ามีเหล็กไหล เพราะมีคนเคยเห็น แต่ไม่มีใครกล้านำออกมาเพราะกลัวอาถรรพ์
ขอบพระคุณแหล่งที่มา : sanook