Home »
Uncategories »
ร้านซักรีดไม่เคยบอก เผย 11 เทคนิค ตากผ้า วันฝนตก แบบถูกต้อง แห้งเร็ว แห้งไว โดยไม่ง้อแดด ไร้เหม็นอับ ความลับ แม่บ้านยุค 4.0 (สูตร)
ร้านซักรีดไม่เคยบอก เผย 11 เทคนิค ตากผ้า วันฝนตก แบบถูกต้อง แห้งเร็ว แห้งไว โดยไม่ง้อแดด ไร้เหม็นอับ ความลับ แม่บ้านยุค 4.0 (สูตร)
หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับแม่บ้านนั่นก็คือ การตากผ้าในช่วงหน้าฝน ผ้าไม่ยอมแห้ง แถมยังไม่มีเครื่องอบผ้าอีก งั้นลองมาดูเคล็ดลับการตากผ้าให้แห้งไว รวดเร็วทันใจแบบไม่ต้องภาวนาให้แดดออกในหน้าฝนอย่างที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันในวันนี้กันเลยค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าหน้าฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการซักผ้าเลยแม้แต่น้อย
1. ปั่นผ้าไปพร้อม ๆ กับผ้าขนหนู
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ผ้าที่เพิ่งซักเสร็จอาจจะแห้งยากสักหน่อย แนะนำให้หย่อนผ้าขนหนูผืนแห้งลงไปในเครื่องปั่นด้วย ปั่นทิ้งไว้พร้อมผ้าอื่น ๆ ประมาณ 15 นาที เพราะผ้าขนหนูจะช่วยซึมซับน้ำส่วนเกินออกจากผ้าไปพร้อม ๆ กับการปั่นผ้าแห้ง จะยิ่งทำให้ผ้าแห้งเร็วทันใจ
2. ซักผ้าตอนเช้า แล้วตากไว้ทั้งวัน
แม้ว่ากิจกรรมหลังจากตื่นในตอนเช้าจะมีให้ทำเยอะแยะไปหมด แต่การเลือกไปซักผ้าตอนเย็นแล้วตากในช่วงกลางคืน ไม่ได้ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วเลยแม้แต่น้อย เผลอ ๆ อาจมีกลิ่นเหม็นอับตามมาอีกด้วย ทางที่ดีแนะนำให้ลงมือซักผ้าและตากในช่วงเช้าจะดีกว่า เพราะแสงแดดและลมอุ่น ๆ จะทำให้ผ้าแห้งเร็ว สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ แถมยังกำจัดกลิ่นอับได้ดีเยี่ยม
3. ตากผ้าในที่ที่แสงส่องถึง
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ห้องคอนโด ห้องเช่า หรือบ้านหลังเล็ก แนะนำให้ติดตั้งราวตากผ้าเอาไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอด สังเกตดูว่าจุดไหนในบ้านเป็นจุดที่มีความร้อนมากที่สุดและมีอากาศถ่ายเทมากที่สุด ก็ติดตั้งเอาไว้ตรงนั้นเลย
4. เปิดประตู-หน้าต่างเมื่อต้องตากผ้าในบ้าน
คงไม่มีใครปล่อยให้ผ้าตากน้ำฝนอยู่อย่างนั้นแน่นอน ฉะนั้นเมื่อนำผ้าเข้าตากในบ้านแล้วก็อย่าลืมเปิดช่องลมทิ้งไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นประตูหรือหน้าต่าง เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก มิเช่นนั้นเสื้อผ้าอาจจะอับชื้นและมีปัญหาเชื้อราตามมาได้
5. พึ่งพาพัดลม พัดให้แห้ง
ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาขั้นเบสิกแต่ก็ได้ผลเสมอ เมื่อต้องย้ายผ้าเข้ามาตากในบ้านเพื่อหลบฝน หรือจำเป็นที่จะต้องใช้ผ้าแต่มันยังไม่แห้ง แนะนำให้ใช้พัดลมเป่าเพื่อไล่ความชื้น หรือจะแขวนไว้หน้าคอมเพรสเซอร์ให้ลมร้อน ๆ ช่วยเป่าให้แห้งเร็วขึ้นด้วยก็ได้
6. เลือกน้ำยาซักผ้าที่ดี
เลือกใช้น้ำยาซักผ้าแทนผงซักฟอกจะดีกว่า เนื่องจากผงซักฟอกอาจมีสารตกค้างซุกซ่อนอยู่ในเนื้อผ้าและเป็นสาเหตุก่อให้เกิดเชื้อราหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ปัจจุบันมีผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าที่ออกแบบมาเพื่อระงับกลิ่น
7. ไม่แช่ผ้าค้างคืน
ความรู้สึกว่าการแช่ผ้ายิ่งนานแบบค้างคืน เสื้อผ้ายิ่งสะอาดหมดจด แต่กลับเป็นการหมักผ้า ทำให้แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในวันที่แสงแดดไม่เป็นใจ
8. ไม่ควรตากผ้าบนราวจนแน่นเกินไป
เพราะอาจทำให้ผ้าไม่แห้งดีทั่วทั้งชิ้น ลองกระจายผ้าที่ตากออกจากกันสัก 2 เซนติเมตร อากาศถ่ายเทสะดวกขึ้นทำให้ผ้าแห้งไวขึ้นและไม่เหม็นอับอีกด้วย
9. ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
น้ำยาปรับผ้านุ่มนอกจากจะช่วยให้ผ้านุ่มฟูและหอมไร้กลิ่นอับแล้ว ยังช่วยให้ผ้าแห้งง่ายขึ้นด้วย เพราะสารในน้ำยาปรับผ้านุ่มจะไปเคลือบเส้นใยของผ้าและทำให้เกิดการถ่ายเทหยดน้ำจากผิวผ้าออกสู่ภายนอกได้ดีขึ้น
10. ซักผ้าต้องมีตัวช่วย
เบกกิ้งโซดาหรือ ผงฟู
ใส่เบกกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนชา จากนั้นตามด้วยผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มตามปกติ หรือจะผสมเบกกิ้งโซดา 3-4 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 กะละมัง มื่อซักเสร็จ นำเสื้อผ้าออกไปตากแดด หรือตากในที่โล่งที่มีอากาศก็จะช่วยดับกลิ่นเหม็นอับของเสื้อผ้าได้
สารส้ม
ใช้สารส้มแกว่งในน้ำก่อนซักประมาณ 3 นาที แล้วทิ้งไว้สัก 10-15 นาที จากนั้นใส่ผงซักฟอกซักตามปกติก่อนนำไปตากให้แห้ง
น้ำส้มสายชู
ลองผสมน้ำส้มสายชู 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4-5 ลิตรในน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอก จากนั้นซักตามปกติ หรือถ้าสำหรับบ้านไหนที่มีเวลาสามารถแช่น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำเปล่า 5 ลิตร แล้วนำไปแช่ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำมาซักตามปกติ
11. ตากผ้าหน้าคอมเพรสเซอร์
แนวทางปรับวิธีตากผ้าแบบใหม่ ด้วยการนำราวตากผ้ามาตั้งบริเวณพัดลมคอมเพรสเซอร์(คอยล์ร้อน)ของแอร์บ้านที่ตั้งอยู่ด้านนอก เพื่อให้พลังความร้อนของคอมฯแอร์ ซึ่งทำหน้าที่ระบายความร้อนที่เกิดจากการอัดน้ำยาคอมเพรสเซอร์ เป่าเสื้อผ้าให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว
เพียงเท่านี้ ปัญหาผ้าไม่แห้งและมีกลิ่นอับก็จะหมดไป อย่าลืมแชร์ต่อ ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆด้วยนะ