วิธีเก็บเงินหลักแสน จากประสบการณ์จริง แบบฉบับมนุษย์เงินเดือน ใครอยากมีเงินเก็บลองทำตามดู รับรองมีเงินแสนได้ไม่ยาก
เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนทุกคนคงมีความฝันที่อยากจะทำงานเก็บเงินให้ได้สักก้อน แต่ก็มีบางคนที่ทำงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ยังเก็บเงินไม่ได้ตามที่หวังไว้จริง ๆ สักที เราเลยอยากให้มาดูแบบอย่างของมนุษย์เงินเดือนที่มีวินัย จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนได้อย่าง คุณสมาชิกหมายเลข 3341470 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มาเล่าประสบการณ์และเผยเคล็ดลับวิธีเก็บเงิน ฉบับมนุษย์เงินเดือน ให้ทุกคนหยิบไปปรับใช้กันได้ เหมาะเลยสำหรับใครที่ชอบบ่นว่าเงินไม่ค่อยจะพอใช้ ไม่รู้จะเก็บเงินยังไงดี มาดูวิธีของเขาคนนี้แล้ว รับรองว่าได้แรงบันดาลใจในการเก็บเงินไปใช้แน่นอน
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนอายุ 32 ปี อาชีพนักเขียน ปัจจุบันเงินเดือน 2x,xxx ครับ ทำงานมาสิบกว่าปี ตอนนี้มีเงินเก็บหลักแสน จึงอยากมารีวิววิธีการบริหารเงินในแบบของมนุษย์เงินเดือน ด้วยความมุ่งหวังว่าผู้อ่านจะหยิบเอาส่วนใดส่วนหนึ่งไปปรับใช้ได้ ไม่ต้องหยิบสูตรผมไปใช้หรอกครับ บางท่านจะเครียดไป
โดยค่าใช้จ่ายหลักของผมคือ
1. ค่าหอ 3,400 บาท
2. ประกันสุขภาพ (ผมเคยสูญเสียคนในครอบครัวไปแบบไม่ได้ทำประกัน ผมจึงเรียนรู้ว่าทำเถอะครับ) 1,100 บาท
3. บริจาคสาธารณประโยชน์ 2,000 บาท
4. ค่าโทรศัพท์ 300 บาท
5. ค่าเดินทาง 3,000 บาท
6. ค่าอาหาร 3,000 บาท (ผมทานวันละ 100 บาทครับ)
7. เงินเก็บส่วนที่ 1 จำนวน 5,000 บาท (เป็นเงินที่ผมฝากในบัญชีที่ไม่มีบัตรเอทีเอ็มครับ กินดอกรายปี ถอนได้เดือนละ 2 ครั้ง)
8. เงินเก็บส่วนที่ 2 จำนวน 3,500 บาท (เป็นเงินที่ผมฝากในบัญชีที่สามารถถอนได้ครับ สำหรับซื้อของชิ้นใหญ่ เช่น โทรศัพท์ ทีวี และการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผมให้รางวัลตัวเองทุกปีอยู่แล้ว)
**เงินเก็บส่วนที่ 2 มาจากการลงทุนของผมครับ โดยผมปล่อยกู้ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ลุงของผมทำงานอยู่ จากการบริหารเงินตามนี้ ผมมีเงินเหลือต่างหากอีก 1,000 กว่าบาท สำหรับค่าภาษีสังคม
เคล็ดลับในการเก็บเงินของผมคือ
1. วินัย สำคัญมาก ๆ และมากที่สุดครับ
สมัยเด็กที่บ้านผมค่อนข้างมีฐานะ เพราะที่บ้านทำพลอย เป็นร้านเจียระไนพลอยในจังหวัดจันทบุรี จนกระทั่งพ่อกับแม่หย่ากัน แม่ตกงาน (ผมอยู่กับแม่) ชีวิตผมก็เริ่มลำบาก และเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ผมต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยครับ แม่จ่ายแค่ค่าหอ ค่ากินอยู่ผมขายขนมปังและรับจ้างพิมพ์รายงาน ดังนั้นผมจึงต้องฝึกบริหารเงินไปในตัว
2. ผมไม่สร้างหนี้ครับ
หลายคนบอกว่าให้ทำบัตรเครดิต ผมยืนหยัดครับว่าไม่ทำ อยากได้อะไรเก็บเงินซื้อ ถ้ายังไม่มีตังค์ ก็ยังไม่ต้องเอาแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโน้ตบุ๊กที่ผมมี ผมเก็บเงินซื้อเอง
3. เมินเสียงคนรอบข้างบ้าง
มีคนว่าผมนะว่าตระหนี่ ขี้เหนียว ขี้งก ผมก็ต้องยิ้มแล้วปล่อยผ่าน คนในครอบครัวผมเสียชีวิตหมดแล้วครับ ผมไม่มีใครซัพพอร์ต ตรงกันข้ามผมยังต้องช่วยเหลือน้องสาว หลานที่ยังเรียนอยู่ ถ้าผมมีน้อย ผมจะช่วยเหลือคนอื่นได้ก็ยาก และหลายปีก่อน ตอนยายที่เลี้ยงผมมาไตวาย ทางโรงพยาบาลเรียกเงินค่าฟอกไต 50,000 บาท ทุกคนไม่มีครับ เงินจำนวนขนาดนั้น แต่ผมมี และผมใช้มันเพื่อต่ออายุยาย แม้สุดท้ายยายจะจากไป แต่ผมก็เห็นความจำเป็นของการเก็บเงิน
ปัจจุบันผมมีเงินเก็บ 2xx,xxx บาทครับ กระทู้นี้ไม่คิดจะอวดครับ เพราะเชื่อว่าคนที่เก็บเงินเก่ง บริหารเงินเก่ง ร่ำรวย มีมากกว่าผมเยอะ แค่อยากหยิบวิธีการของตัวเองมาแชร์บ้าง หากผิดพลาดส่วนไหน ขออภัยด้วยครับ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คุณสมาชิกหมายเลข 3341470 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนทุกคนคงมีความฝันที่อยากจะทำงานเก็บเงินให้ได้สักก้อน แต่ก็มีบางคนที่ทำงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วก็ยังเก็บเงินไม่ได้ตามที่หวังไว้จริง ๆ สักที เราเลยอยากให้มาดูแบบอย่างของมนุษย์เงินเดือนที่มีวินัย จนมีเงินเก็บเป็นหลักแสนได้อย่าง คุณสมาชิกหมายเลข 3341470 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มาเล่าประสบการณ์และเผยเคล็ดลับวิธีเก็บเงิน ฉบับมนุษย์เงินเดือน ให้ทุกคนหยิบไปปรับใช้กันได้ เหมาะเลยสำหรับใครที่ชอบบ่นว่าเงินไม่ค่อยจะพอใช้ ไม่รู้จะเก็บเงินยังไงดี มาดูวิธีของเขาคนนี้แล้ว รับรองว่าได้แรงบันดาลใจในการเก็บเงินไปใช้แน่นอน
How to มีเงินเก็บหลักแสน ฉบับมนุษย์เงินเดือนครับ
(จากประสบการณ์ผมเอง) โดย คุณสมาชิกหมายเลข 3341470
สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนอายุ 32 ปี อาชีพนักเขียน ปัจจุบันเงินเดือน 2x,xxx ครับ ทำงานมาสิบกว่าปี ตอนนี้มีเงินเก็บหลักแสน จึงอยากมารีวิววิธีการบริหารเงินในแบบของมนุษย์เงินเดือน ด้วยความมุ่งหวังว่าผู้อ่านจะหยิบเอาส่วนใดส่วนหนึ่งไปปรับใช้ได้ ไม่ต้องหยิบสูตรผมไปใช้หรอกครับ บางท่านจะเครียดไป
โดยค่าใช้จ่ายหลักของผมคือ
1. ค่าหอ 3,400 บาท
2. ประกันสุขภาพ (ผมเคยสูญเสียคนในครอบครัวไปแบบไม่ได้ทำประกัน ผมจึงเรียนรู้ว่าทำเถอะครับ) 1,100 บาท
3. บริจาคสาธารณประโยชน์ 2,000 บาท
4. ค่าโทรศัพท์ 300 บาท
5. ค่าเดินทาง 3,000 บาท
6. ค่าอาหาร 3,000 บาท (ผมทานวันละ 100 บาทครับ)
7. เงินเก็บส่วนที่ 1 จำนวน 5,000 บาท (เป็นเงินที่ผมฝากในบัญชีที่ไม่มีบัตรเอทีเอ็มครับ กินดอกรายปี ถอนได้เดือนละ 2 ครั้ง)
8. เงินเก็บส่วนที่ 2 จำนวน 3,500 บาท (เป็นเงินที่ผมฝากในบัญชีที่สามารถถอนได้ครับ สำหรับซื้อของชิ้นใหญ่ เช่น โทรศัพท์ ทีวี และการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผมให้รางวัลตัวเองทุกปีอยู่แล้ว)
**เงินเก็บส่วนที่ 2 มาจากการลงทุนของผมครับ โดยผมปล่อยกู้ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งที่ลุงของผมทำงานอยู่ จากการบริหารเงินตามนี้ ผมมีเงินเหลือต่างหากอีก 1,000 กว่าบาท สำหรับค่าภาษีสังคม
เคล็ดลับในการเก็บเงินของผมคือ
1. วินัย สำคัญมาก ๆ และมากที่สุดครับ
สมัยเด็กที่บ้านผมค่อนข้างมีฐานะ เพราะที่บ้านทำพลอย เป็นร้านเจียระไนพลอยในจังหวัดจันทบุรี จนกระทั่งพ่อกับแม่หย่ากัน แม่ตกงาน (ผมอยู่กับแม่) ชีวิตผมก็เริ่มลำบาก และเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ผมต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยครับ แม่จ่ายแค่ค่าหอ ค่ากินอยู่ผมขายขนมปังและรับจ้างพิมพ์รายงาน ดังนั้นผมจึงต้องฝึกบริหารเงินไปในตัว
2. ผมไม่สร้างหนี้ครับ
หลายคนบอกว่าให้ทำบัตรเครดิต ผมยืนหยัดครับว่าไม่ทำ อยากได้อะไรเก็บเงินซื้อ ถ้ายังไม่มีตังค์ ก็ยังไม่ต้องเอาแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโน้ตบุ๊กที่ผมมี ผมเก็บเงินซื้อเอง
3. เมินเสียงคนรอบข้างบ้าง
มีคนว่าผมนะว่าตระหนี่ ขี้เหนียว ขี้งก ผมก็ต้องยิ้มแล้วปล่อยผ่าน คนในครอบครัวผมเสียชีวิตหมดแล้วครับ ผมไม่มีใครซัพพอร์ต ตรงกันข้ามผมยังต้องช่วยเหลือน้องสาว หลานที่ยังเรียนอยู่ ถ้าผมมีน้อย ผมจะช่วยเหลือคนอื่นได้ก็ยาก และหลายปีก่อน ตอนยายที่เลี้ยงผมมาไตวาย ทางโรงพยาบาลเรียกเงินค่าฟอกไต 50,000 บาท ทุกคนไม่มีครับ เงินจำนวนขนาดนั้น แต่ผมมี และผมใช้มันเพื่อต่ออายุยาย แม้สุดท้ายยายจะจากไป แต่ผมก็เห็นความจำเป็นของการเก็บเงิน
ปัจจุบันผมมีเงินเก็บ 2xx,xxx บาทครับ กระทู้นี้ไม่คิดจะอวดครับ เพราะเชื่อว่าคนที่เก็บเงินเก่ง บริหารเงินเก่ง ร่ำรวย มีมากกว่าผมเยอะ แค่อยากหยิบวิธีการของตัวเองมาแชร์บ้าง หากผิดพลาดส่วนไหน ขออภัยด้วยครับ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คุณสมาชิกหมายเลข 3341470 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม