หนุ่มเผยถูกคู่อริโหดรัดคอปักมีดทะลุโคนลิ้น เกือบตาย แต่ได้ข้อหาแค่ทำร้ายร่างกาย

หนุ่มเผยถูกคู่อริโหดรัดคอปักมีดทะลุโคนลิ้น ปล่อยโฮเกือบตายแต่ตำรวจรับแจ้งแค่ทำร้ายร่างกาย ทนายร้องผู้การนครปฐมต้องจัดการเรื่องนี้

          จากกรณีที่ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกคู่อริแทงเข้าไปที่คอจนเกือบเสียชีวิต แต่ตำรวจกลับรับแจ้งแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น ล่าสุดรายการโหนกระแส วันที่ 14 ธ.ค. ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30 - 21.00 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ คุณเอส ประไณย สุวรรณศรี ผู้เสียหาย และ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา  พระมหา กษัตริย์


          เอส : "ผมอายุ 34 ปี ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน ออกจากงาน เพราะป่วยจากการถูกแทงด้วย เหตุเกิดที่นครปฐม เป็นโต๊ะสนุ๊ก เรื่องเกิด 30 ต.ค. ตอนแรกก่อนโดนแทง มีเรื่องทะเลาะกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อปอง ทะเลาะกันมาร่วมเดือน ด้วยการเล่นสนุ๊กกันแล้วเมา แล้วทะเลาะกัน จริงๆ ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของน้องอีกคน เขาทะเลาะกัน แต่ผมกับเขาต่อยกัน เราไม่ได้รุม ก็สองต่อสอง ทีนี้เขาก็แจ้งความดำเนินคดีกับพวกน้องผม ก็คิดว่าเคลียร์จบ ก็ไม่ได้ทำอะไร ผ่านมาสักระยะ ถึงเกิดเหตุที่โดนแทงคอ"


ตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน?
          เอส :
"ผมอยู่หน้าโต๊ะสนุ๊กเหมือนเดิม ผมก็นั่งกินกับเพื่อน ดึกแล้วประมาณเที่ยงคืน ผมไม่เมา เพราะเพิ่งกลับมาจากตกกุ้ง ตกปู ตกปลามา ผมทราบข่าวตอนหลังว่าคนนี้เป็นพี่ชายของปอง นามสกุลเดียวกันแต่ตำรวจบอกคนละแม่ ชื่อเชษฐ์ เขาเดินมาแทงคอผม ตอนแรกผมก็จับมือเขา เขาก็สะบัดหลุด น้องผมที่ลุกไปก็ไปตามพวกข้างในว่าผมโดนแทง มันเลยหนีไป"

มีดปักคาคออยู่เลย คนร้ายวิ่งหนีไปขึ้นรถ?
          เอส :
"มีดปักเหลือแค่ด้ามโผล่ ผมไม่แน่ใจว่าเขาแทงกี่ที ผมตกใจ ผมยังไม่รู้เลยว่าผมโดนอะไร ตอนที่เขาแทงเขาจับล็อกคอ แล้วก็พูดว่ามึงทำน้องกู"

          ทนาย : "พฤติการณ์มันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไป แล้วคดีมันอุกฉกรรจ์ด้วยนะแบบนี้ โหดนะ ล็อกคอแล้วแทง เจตนาฆ่าเลย เป็นความโชคดีในความโชคร้ายของน้อง ที่ล็อกมือเขาไว้อยู่"

          เอส : "เป็นมีดสั้น เป็นมีดพก"

          ทนาย : "ลักษณะเขาดึงปาดคอ เขาตวัดมีดเหมือนจะล็อกคอแล้วปาดคอ จะเชือด"

          เอส : "จริงๆ แผลตอนแรกยาวประมาณหนึ่งนิ้ว แต่หมอต้องผ่าตัดเปิดแผล รักษาข้างใน เพราะข้างในโดนทั้งหมด”

คุณดึงมีดออกเอง?
          เอส :
"ดึงออกเองสองมือ ทีนี้เลือดพุ่งเลยครับ ผมก็ทำอะไรไม่ถูก หมดแรงแล้วพรรคพวกเพื่อนผมก็ถอดเสื้อมากดปากแผล มีดก็ปล่อยทิ้งไว้ ผมก็นั่งรถกระบะไป รพ."

จำรถคนร้ายได้มั้ย?
          เอส :
"จำได้ว่าเป็นรถคนชื่อตอง  พี่ชายเขามาก่อนนานแล้วแต่เดินไปเดินมาร่วมชม. แต่ผมไม่รู้ว้าเป็นใครไม่รู้จักหน้าค่าตา ตอนที่ รพ.ไปก็ร่อแร่แล้ว ผมนั่งท้ายกระบะไปกับเพื่อน พอเข้ารพ. เขาก็ดูดคอ จัดการล้าง แล้วผ่าตัด ผมก็หมดสติไป"

หมอบอกว่าวันนี้เป็นยังไง?
          เอส :
"แผลข้างนอกข้างในน่าจะหาย แต่คอมันบวม ก็โดนเส้นเลือดดำ โดนโคนลิ้น เพดานปาก"

แทงทะลุโดนโคนลิ้น เส้นประสาทไปด้วยมั้ย?
          เอส :
"ผมลิ้นชา กลืนข้าวกลืนอะไรลำบาก พูดก็ติดๆ ขัดๆ เหมือนคนลิ้นไก่สั้น แต่ก็พูดได้ระดับนี้ก็โอเค มันกลืนลำบาก มันชาข้างใน ผมอยู่ในไอซียู 5-6 วัน"

หลังจากออกจากไอซียูคุณไปแจ้งความแล้วเป็นยังไง?
          เอส :
"ตอนที่ผมออกมาจากไอซียู ให้ปากคำได้ พนักงานสอบสวนเรียกผมไปสอบปากคำปกติ จนจบกระบวนการ เอาพยานฝั่งผมเข้าไป ทั้งหมดตรวจสอบเสร็จทิ้งไปสักอาทิตย์ผมก็โทร.ไปว่าเป็นยังไงคดีคืบหน้ามั้ย เขาก็บอกว่าคนร้ายหนี ทีแรกพนักงานสอบสวนแจ้งว่าคนร้ายหนี ผมก็บอกแต่ผมยังเห็นคนชื่อปองอยู่เลย เขาก็พูดกับผมว่าต้องจับคนนี้ให้ได้ก่อนถึงไล่ไปหาคนชื่อปอง ผมก็โทร.ตามอีกครั้งสองครั้งก็ยังเงียบ จนผ่านมาเดือนหนึ่ง มันเริ่มจะเงียบแล้ว ทางบ้านผมก็ได้รับจม. แจ้งความคืบหน้าว่าจับคนร้ายได้ เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมาจนศาลสั่งประกันตัวไปแล้ว ผมยังไม่ทราบเรื่องเลยเพราะไม่มีใครโทร. มาหาผม"


ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาอะไร?
          เอส :
"ในใบที่ส่งมาที่บ้านผม เป็นทำร้ายร่างกายถึงแก่สาหัส  ที่ผมให้ปากคำตอนแรก ผมยังถามว่าเข้าข่ายเจตนาฆ่ามั้ย เขาก็บอกว่าพยายามฆ่าอยู่แล้ว เราก็ปล่อยเรื่องไป จนบอกว่ามีหนังสือแจ้งมาที่บ้าน ผมก็บอกว่าไม่ใช่แล้ว แจ้งเป็นคดีทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เลยให้ทนายทางผมไปทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ลงบันทึก ลงเลขที่รับไว้หมดแล้ว เปลี่ยนสำนวนว่าทำไมลงเป็นทำร้ายร่างกาย ไม่เป็นพยายามฆ่าโดยไต่ตรองไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำโดยคนเดียวได้ เพราะมีคนรับส่ง มีคนดูลาดเลา ผมถามตรงๆ ว่าตกลงที่จับได้ จับได้เองหรือมอบตัว  สรุปมามอบตัว ผมก็ถามภาษาบ้านๆ ว่าคดีนี้มันประกันตัวได้เป็นผม ผมก็มอบตัวจะหนีทำไม เพราะสำนวนมันอ่อน"

หลังจากนั้นคุณโดนคนร้ายไปขู่?
          เอส :
"ครับ จากที่ผมขอความเป็นธรรมจากผู้กำกับ คืนวันนั้นที่ผมไปแจ้งข้อหาพยายามฆ่า คืนนั้นก็มีคนดักรออีก ไปดักรอที่หน้าโต๊ะสนุ๊กเหมือนเดิม เพื่อนผมทุกคนเขาเห็น จอดรถอีกฝั่งเป็นตองกับคนชื่อเชษฐ์ รถคันเดิมด้วย อีกวันหนึ่งผมก็ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ว่าคู่กรณีมาดักรอผม ไม่รู้จะมาทำอะไรผม ตอนนี้กล้องวงจรปิดผมยังติดต่อขออยู่ เขามาเมื่อวานซืนนี้ ก่อนจะมาออกรายการ"

          ทนาย : "คดีนี้อุกอาจ อยากจะกราบเรียนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินะครับ ท่านสั่งไปยังผู้บัญชาการภูธรภาค 7 เลย ถามว่าทำไม เพราะพฤติการณ์ของคนร้ายมันโหดเหี้ยม มีการล็อกคอ แล้วแทง การแทงผ่านเส้นเสือดมันถึงตาย แล้วมีการมาเฝ้ารอน้องนานพอสมควร ไม่ได้มาคนเดียวมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสองสามคน แล้วการที่มาจะฆ่าน้อง แทงที่คอ ก็คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่บังเอิญน้องเขาโชคดี ตำรวจต้องตั้งข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ถามว่าอัตราโทษแตกต่างกันมั้ย ถ้าเป็นกรณีทำร้ายร่างกายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โทษจำคุกแค่ 6 เดือนถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 2 แสนบาท แต่ถ้าเกิดเป็นฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โทษถึงประหารชีวิต"

ในฐานะที่เป็นทนายความ แบบนี้พยายามฆ่า หรือทำร้ายร่างกาย?
          ทนาย :
"พยายามฆ่า เพราะเล็งเห็นผล แล้วพฤติการณ์โหดเหี้ยมจริงๆ ล็อกคอแล้วแทง ดูแล้วน่าจะเคยกระทำมามากกว่า 1 คดี"


คุณเอสรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร?
          เอส :
"คนชื่อปองเขาเคยเป็นอาสาสมัยก่อน รู้จักอะไรผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเขาหรอก"

          ทนาย : "แต่พฤติการณ์คนร้ายที่มาข่มขู่ หรือยุ่งกับหลักฐาน พนักงานมีอำนาจในการเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวได้ ก็ให้ไปยื่นคำร้องเลย เพิกถอนก่อนแล้วคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเขาตกอยู่ในอันตราย"

ชีวิตทุกวันนี้อยู่อย่างหวาดระแวง เพราะคนร้ายถูกประกันตัวไป?
          เอส :
"ตอนนี้ก็ระแวงครับ ออกไปไหนมาไหนก็ไม่รู้จะมีคนดักรออีกเมื่อไหร่ เพราะคนร้ายที่เห็นแน่ๆ 2 คนอยู่ข้างนอก ผมไม่ได้ทำอะไร ออกไปไหนก็ไม่ได้ กินข้าวก็ลำบาก"

เงินรักษาแทบหมดตัว?
          เอส :
"ก็เป็นแสน ประมาณสองสามแสน แล้วค่าจิปาถะที่ต้องมาเกี่ยวกับคดี ทนาย เราไม่ได้เป็นคนร่ำรวยอะไร ทุกวันนี้ก็อยู่ไป เรามีลูกคนนึงก็สงสารลูก เราเป็นอะไรไปอีกคนลูกจะลำบาก"

ดูอัดอั้นตันใจ?
          เอส :
"มันก็เหนื่อยครับ ได้เงินมาก็เสียไป ก็ต้องรอคดีให้มันไม่ใช่เป็นแบบนี้ ลูกเขาไม่รู้ครับเขายังเด็ก เขาถามว่าคอโดนอะไรมา ก็บอกว่าคออักเสบ ไปผ่ามา"

ล่าสุด ตร.เองก็เริ่มเปลี่ยน?
          เอส :
"ท่านผู้กำกับก็มาไล่ดูคดีให้ ก็ถือว่าโอเคในระดับนึงครับ ทำสำนวนใหม่ก็น่าจะดีกว่าเดิม ก็ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งรัดดำเนินการให้ผมด้วย เพราะผมไม่มีอะไรติดใจกับใคร อยากให้คนร้ายถูกดำเนินคดี"

คุณร้องไห้เพราะอะไร?
          เอส :
"ผมสงสารลูก วันที่ผมไปรพ. คิดว่าตายแล้ว เพราะผมหายใจไม่ออก นั่งไปกับเพื่อนก็บอกว่าฝากดูลูกด้วย ฝากดูอะตอม มันหายใจไม่ได้ กะว่าไปแน่(ร้องไห้)"
          ทนาย : "มันสะท้อน สิ่งที่จะทำให้เขาสบายใจได้ ก็ฝากผู้หลักผู้ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่านผบ.ตร. และผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 ท่านรีบเก็บสำนวนของโรงพักเมืองนครปฐมมาดู เพราะคนร้ายดูแล้ว น่าจะมีความสัมพันธ์พิเศษ ทำไมตรวจไม่ตั้งข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แล้วทำไมจับผู้ต้องหาแค่คนเดียว ทั้งที่ทางนี้เขาบอกว่ามากกว่า 1 คนด้วยซ้ำไป พฤติการณ์คนร้ายรายนี้มีการข่มขู่พยาน พนักงานสอบสวนผู้กำกับ สามารถเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวได้ รวมทั้งต้องมีมาตรการคุ้มครองพยานให้เขาอบอุ่นว่ามาพึ่งตร. ไม่ใช่เขามาดิ้นรนแบบนี้ แล้วยิ่งรู้จักคนมีสีแล้ว เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้หรือครับ ผู้การนครปฐมต้องจัดการเลยนะครับ ผมเชื่อในศักยภาพของท่าน เขาดิ้นรน มาร้องรายการโหนกระแสเขาหวังที่พึ่ง เราจะตามเรื่องนี้ ตอนนี้เขาเหมือนตายทั้งเป็น ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเข้ามาดูแลโดยเร็ว การที่คนร้ายมาดักรอมันฮึกเหิม รถก็คันเดิม มันท้าทาย ผู้การนครปฐมต้องจับนะครับ"