เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้านพี่น้องชาวลาว คาดรับแลกเงินบังหน้า พัวพันธุรกิจมืด

ศุลกากร เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้าน ของสองพี่น้องชาวลาว เชื่อเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินบังหน้า เพื่อปิดบังที่มาของเงิน

           นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. สอบปากคำนายสุบัน เตียสิริ อายุ 30 ปี และนายคำบอน เตียสิริ อายุ 24 ปี สองพี่น้องชาวลาวประมาณ 3 ชั่วโมง โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งผู้ต้องหายังยืนยันว่าเป็นการรับแลกเงินซึ่งเป็นเงินของสมาชิกในครอบครัว เป็นเงินของพี่สาวและของตนเอง และพร้อมยกเงิน 98 ล้านบาท ให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้านพี่น้องชาวลาว คาดรับแลกเงินบังหน้า

           อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องการขอระงับคดีไปยังกรมศุลกากรเพื่อลงความเห็น และคาดว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินที่มาจากการทำธุรกรรมสีดำจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเงินที่ต้องปิดลับ ซึ่งการนำเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินไทยกลับไปยังปิดเป็นความลับ เพราะเงินไทยในลาวสามารถใช้ได้ทุกแห่งทุกโอกาส ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะใช้ไม่ได้ แต่เป็นเงินที่มีมูลค่าที่มีเพื่อเก็บ ซึ่งต้องสำแดงให้รัฐบาลลาวรู้

เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้านพี่น้องชาวลาว คาดรับแลกเงินบังหน้า

           นายนิมิตร บอกอีกว่า ตามหลักของการแลกเปลี่ยนเงินมีอัตราโทษที่กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าหากนำเงินเกิน 450,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ออกนอกประเทศ อัตราโทษปรับ 20,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไป 2 ล้านบาท กรณีนี้ก็จะเป็นโทษปรับรวม 40,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไม่เกิน 4 ล้านบาท หรือประมาณ 3,960,000 บาท ที่เหลือ 94 ล้านบาทต้องยกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้านพี่น้องชาวลาว คาดรับแลกเงินบังหน้า

           พร้อมกันนี้จะมีการขอข้อมูลจากทางธนาคารร่วมด้วย ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการนำเงินดอลลาร์มาขาย ไม่ใช่การแลกเงิน ธนาคารก็รับซื้อไว้ด้วยเงินบาทไทย แต่หากเป็นการแลกเปลี่ยนเงิน ก็ต้องรายงาน ป.ป.ง. ทราบ เชื่อว่าผู้ต้องหาเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินบังหน้า เพื่อปิดบังที่มาของเงิน


เร่งตรวจสอบเงิน 98 ล้านพี่น้องชาวลาว คาดรับแลกเงินบังหน้า

           เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวได้มาขอข้อมูล จึงได้ข้อมูลเบื้องต้นไปเพราะการกระทำของทั้งสองคนเป็นการกระทำที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ไทยดูแลได้เฉพาะการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากสอบสวนให้ไปด้วย

           หลังจากนี้จะเข้มงวดรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากเรื่องยาเสพติดแล้วต้องดูเรื่องเงินเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก จะขอความร่วมมือกับธนาคาร เพื่อขอข้อมูลหากมีการแลกเปลี่ยนเงินในจำนวนมากว่าให้แจ้งทางศุลกากรทราบด้วย นายนิมิตร กล่าว

ภาพและข้อมูลจาก