ยุคสมัยข้าวยากหมากแพง ผู้คนส่วนหนึ่งเลือกหันหลังให้เมืองใหญ่ กลับถิ่นฐานบ้านเกิด หาประกอบอาชีพเลี้ยงปากท้อง บางส่วนถ้าไม่เปิดร้านขายของเล็กๆ ก็เลือกเป็นเกษตรกร ฝากความหวังไว้กับผืนดิน สายน้ำ และท้องฟ้า ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การเลือกเดินบนเส้นทางสายเกษตร ประสบความสำเร็จได้ คือความรู้ เพราะมีบางคนที่เลือกเป็นนายตัวเอง แต่ยังขาดความรู้ ต้องล้มเหลวกลับเข้ามาขายแรงในเมือง
ข่าวสดออนไลน์ มีโอกาสขอความรู้เรื่องการปลูกมะนาว ที่สวนมะนาวย่านภาษีเจริญของ ลุงจำรัส คูหเจริญ อดีตข้าราชการวัย 74 ปี เจ้าของสวนมะนาวลุงจำรัส ที่ปลูกมะนาวจนประสบความสำเร็จ และยังสามารถเพาะพันธุ์มะนาวได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำความรู้ไปต่อยอดต่อไป
ลุงจำรัส เริ่มเล่าว่า มีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวสวน อาศัยอยู่ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ มานานแล้ว เรียกว่าทำสวนเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ส่วนตนสนใจปลูกกล้วยไม้เป็นอาชีพ ตามคำแนะนำของ ศ.ระพี สาคริก บิดาแห่งกล้วยไทย ตอนนั้นทำสวนกล้วยไม้ได้ประมาณ 8 ปี จึงสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ช่วงประมาณปี 2506 ไปเรียนประมาณ 5 ปีครึ่ง ด้านวิศวกร ควบคู่สาขาการเกษตร ช่วงนั้นต้องให้เเม่ดูเเลต้นไม้เพียงลำพัง หลังจากเรียนจบได้กลับมาที่บ้าน พบว่า ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายหมด จากนั้นจึงปลูกพืชชนิดต่างๆเช่น ซ่อนกลิ่น กุหลาบ ปลูกได้ไม่นานก็ตายอีกเช่นเคย เลยลองหันมาปลูกส้มโอกับมะม่วง แต่โดนเวนคืนที่เพื่อทำถนนจึงต้องเลิกปลูก
เจ้าของสวนมะนาว เล่าต่อว่า ต่อมาได้มาปลูกต้นโป๊ยเซียน สร้างรายได้และประสบความสำเร็จถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเลิกปลูก และหันมาปลูกมะนาวแทน โดยมะนาวนั้นปลูกมาตั้งแต่สมัยรุ่นของพ่อแม่ กว่า 60 ปีแล้ว แต่มาเริ่มพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจังเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเทคนิคที่ได้ในการพัฒนาสายพันธุ์มะนาวคือ ใช้หลักการผสมตามหลักของตนเอง เพราะเมื่อตอนที่ปลูกพืชชนิดต่างๆสมัยก่อนก็ผสมสายพันธุ์เอง ฉะนั้นสิ่งพวกนี้จึงอยู่ในหัวมาโดยตลอด และอาศัยว่าเป็นเรื่องที่ใจรัก ประกอบกับพอจะมีความรู้พื้นฐานด้านการทำเกษตรอยู่บ้าง
ผมเริ่มจากการพัฒนาสายพันธุ์มะนาวใหม่เพื่อต้านทานโรคแคงเกอร์ โดยมีชื่อว่ามะนาวพันธุ์จำรัส 9 ก่อนจะต่อยอดปรับปรุงพันธุ์เพิ่ม โดยลองผิดลองถูกมาหลายปีกว่าจะได้มะนาวพันธุ์จำรัส 28 และ 29 ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์นี้ได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต ประหยัดแรงงานที่จ้างมาฉีดยาป้องกันและกำจัดโรค ตลอดจนลดปริมาณการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งจะลดปัญหาสารตกค้างในผลผลิต อันจะนำมาสู่ความปลอดของผู้บริโภค
“สำหรับมะนาวจำรัส 28 และจำรัส 29 ได้พัฒนามาจากมะนาวพันธุ์จำรัส 9 ซึ่งเป็นมะนาวลูกผสมระหว่างแป้นพวง(พันธุ์แม่) ผสมกับมะนาวน้ำหอม(ด่านเกวียน) จุดเด่นคือให้ลูกดก ผลโตและมีน้ำมาก น้ำ เนื้อ กลิ่นเหมือนมะนาวแป้น เปลือกบาง น้ำหนักผล 70-100 กรัม การเจริญเติบโตของต้นดี ใบใหญ่และต้านทานโรคดีมาก โดยมะนาวจำรัส 28 เป็นผลจากการผสมระหว่างมะนาวจำรัส 9 และใช้มะนาวแป้นจริยาเบอร์ 1 มาผสม เพื่อเพาะเมล็ดจนเป็นต้นแล้ว ออกดอกให้ผลเมื่อต้นยังเล็ก แต่ผลโตมาก ทรงของผลแบนแบบมะนาวแป้นทั่วไป น้ำ เนื้อ กลิ่น เหมือนมะนาวแป้นทุกอย่าง และมีเปลือกที่บาง ออกดอกง่ายโดยที่ไม่ต้องบังคับก็ออกดอกทั้งปี และต้านทานโรคได้ดีมาก
และมะนาวพันธุ์จำรัส 29 เป็นผลจากการผสมระหว่างมะนาวจำรัส 9 (พันธุ์แม่) และใช้ส้มโชกุนเป็นพ่อ เมื่อได้เพาะเมล็ดจนขึ้นมาเป็นต้นแล้ว จะให้ผลเมื่อต้นยังเล็กแต่ออกดอกเร็ว ผลโตมาก ลักษณะผลเหมือนมะนาวแป้นทั่วไป เปลือกบาง มีน้ำมากเหมือนมะนาวจำรัส 28 ผลที่ออก 2 เดือนก็มีน้ำมากแล้ว และผลโตมากโดยไม่ต้องบังคับเช่นเดียวกับพันธุ์จำรัส 28 มีการเจริญเติบโตและการต้านทานโรคดีมาก” ลุงจำรัส เผยเคล็ดลับ
เจ้าของสวนมะนาวชื่อดัง เผยถึงเทคนิคการปลูกมะนาวว่า จะปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร แต่ละวงบ่อซีเมนต์วางห่างกัน ประมาณ 3 เมตร เพื่อให้สะดวกในการดูแลต้นมะนาว โดยทั่วไปพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะสามารถปลูกมะนาวได้ 135 บ่อ ใช้เงินลงทุน ประมาณ 50,000 บาท สำหรับค่าปุ๋ย ค่าต้นพันธุ์มะนาวรวมทั้งค่าวงบ่อซีเมนต์ หลังจากปลูกมะนาวแล้ว ภายใน 1 ปี สามารถถอนทุนคืนได้ทั้งหมด และในปีที่ 2 จะสามารถทำกำไรได้ถึง 1 เท่าตัว หรือสามารถทำเงินได้ 100,000 บาท เนื่องจากการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถควบคุมน้ำและปุ๋ยได้ดี สามารถผลิตมะนาวนอกฤดูออกขายทำกำไรได้ตามที่ต้องการ ขณะที่การปลูกมะนาวลงดิน แม้จะมีผลผลิตสม่ำเสมอ แต่ยังทำผลกำไรสูงไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถบังคับให้ต้นมะนาวมีผลผลิตออกนอกฤดูได้”
เมื่อถามถึงการเตรียมวัสดุปลูก ของสวนแห่งนี้ ลุงจำรัส บอกว่า สวนของผมเลือกใช้ดินเหนียวแห้ง ใส่จนเต็มวงบ่อซีเมนต์ จากนั้นเติมปูนขาวลงไป 1 กำมือ ต่อ 1 หลุม รดน้ำตามหนึ่งครั้งพอให้ดินชุ่มชื้น ขุดหลุมลึกประมาณ 20 เซนติเมตร จากนั้นให้นำกิ่งพันธุ์มะนาวที่จัดเตรียมไว้ ปลูกลงในวงบ่อซีเมนต์ได้เลย และนำไม้ไผ่มาผูกกับต้นมะนาว เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นมะนาวโอนเอนไปมาในช่วงที่มีลมแรง จากนั้นเทแกลบเหลืองโรยหน้าดิน ตามด้วยปุ๋ยคอก เทให้หนาประมาณ 1 นิ้ว คอยดูแลให้น้ำและใส่ปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นมะนาวเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ โดยผลผลิตจะพุ่งสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค. และเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงหน้าแล้งที่มะนาวในตลาดจะให้ผลน้อย ทำให้สามารถกำหนดราคาในการขายได้
ผู้ใดสนใจเรื่องการปลูกมะนาว อยากเรียนรู้หลักการปลูก เพื่อนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตนเองเเละครอบครัว ลุงจำรัสยินดีเปิดสอนให้ฟรี และหากเรียนแล้วสนใจซื้อต้นมะนาวของลุงจำรัสไปปลูก ก็มีขายให้ในราคาต้นละ 200 บาท
สามารถเดินทางมาหาลุงจำรัส ได้ที่บ้านเลขที่ 363 ถนนพัฒนาการ แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีบีทีเอสวุฒากาศ มุ่งหน้าไปทางถนนราชพฤกษ์ ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือโทรศัพท์ไปสอบถามก่อนได้ที่หมายเลข 081-552-6700 หรือ 02-457-0920
ขอขอบคุณเครดิตข้อมูลและภาพจาก : khaosod
ลุงจำรัส เริ่มเล่าว่า มีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวสวน อาศัยอยู่ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ มานานแล้ว เรียกว่าทำสวนเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ส่วนตนสนใจปลูกกล้วยไม้เป็นอาชีพ ตามคำแนะนำของ ศ.ระพี สาคริก บิดาแห่งกล้วยไทย ตอนนั้นทำสวนกล้วยไม้ได้ประมาณ 8 ปี จึงสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ช่วงประมาณปี 2506 ไปเรียนประมาณ 5 ปีครึ่ง ด้านวิศวกร ควบคู่สาขาการเกษตร ช่วงนั้นต้องให้เเม่ดูเเลต้นไม้เพียงลำพัง หลังจากเรียนจบได้กลับมาที่บ้าน พบว่า ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตายหมด จากนั้นจึงปลูกพืชชนิดต่างๆเช่น ซ่อนกลิ่น กุหลาบ ปลูกได้ไม่นานก็ตายอีกเช่นเคย เลยลองหันมาปลูกส้มโอกับมะม่วง แต่โดนเวนคืนที่เพื่อทำถนนจึงต้องเลิกปลูก
เจ้าของสวนมะนาว เล่าต่อว่า ต่อมาได้มาปลูกต้นโป๊ยเซียน สร้างรายได้และประสบความสำเร็จถึง 100 เปอร์เซ็นต์ จึงเลิกปลูก และหันมาปลูกมะนาวแทน โดยมะนาวนั้นปลูกมาตั้งแต่สมัยรุ่นของพ่อแม่ กว่า 60 ปีแล้ว แต่มาเริ่มพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจังเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเทคนิคที่ได้ในการพัฒนาสายพันธุ์มะนาวคือ ใช้หลักการผสมตามหลักของตนเอง เพราะเมื่อตอนที่ปลูกพืชชนิดต่างๆสมัยก่อนก็ผสมสายพันธุ์เอง ฉะนั้นสิ่งพวกนี้จึงอยู่ในหัวมาโดยตลอด และอาศัยว่าเป็นเรื่องที่ใจรัก ประกอบกับพอจะมีความรู้พื้นฐานด้านการทำเกษตรอยู่บ้าง
ผมเริ่มจากการพัฒนาสายพันธุ์มะนาวใหม่เพื่อต้านทานโรคแคงเกอร์ โดยมีชื่อว่ามะนาวพันธุ์จำรัส 9 ก่อนจะต่อยอดปรับปรุงพันธุ์เพิ่ม โดยลองผิดลองถูกมาหลายปีกว่าจะได้มะนาวพันธุ์จำรัส 28 และ 29 ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์นี้ได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต ประหยัดแรงงานที่จ้างมาฉีดยาป้องกันและกำจัดโรค ตลอดจนลดปริมาณการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งจะลดปัญหาสารตกค้างในผลผลิต อันจะนำมาสู่ความปลอดของผู้บริโภค
“สำหรับมะนาวจำรัส 28 และจำรัส 29 ได้พัฒนามาจากมะนาวพันธุ์จำรัส 9 ซึ่งเป็นมะนาวลูกผสมระหว่างแป้นพวง(พันธุ์แม่) ผสมกับมะนาวน้ำหอม(ด่านเกวียน) จุดเด่นคือให้ลูกดก ผลโตและมีน้ำมาก น้ำ เนื้อ กลิ่นเหมือนมะนาวแป้น เปลือกบาง น้ำหนักผล 70-100 กรัม การเจริญเติบโตของต้นดี ใบใหญ่และต้านทานโรคดีมาก โดยมะนาวจำรัส 28 เป็นผลจากการผสมระหว่างมะนาวจำรัส 9 และใช้มะนาวแป้นจริยาเบอร์ 1 มาผสม เพื่อเพาะเมล็ดจนเป็นต้นแล้ว ออกดอกให้ผลเมื่อต้นยังเล็ก แต่ผลโตมาก ทรงของผลแบนแบบมะนาวแป้นทั่วไป น้ำ เนื้อ กลิ่น เหมือนมะนาวแป้นทุกอย่าง และมีเปลือกที่บาง ออกดอกง่ายโดยที่ไม่ต้องบังคับก็ออกดอกทั้งปี และต้านทานโรคได้ดีมาก
และมะนาวพันธุ์จำรัส 29 เป็นผลจากการผสมระหว่างมะนาวจำรัส 9 (พันธุ์แม่) และใช้ส้มโชกุนเป็นพ่อ เมื่อได้เพาะเมล็ดจนขึ้นมาเป็นต้นแล้ว จะให้ผลเมื่อต้นยังเล็กแต่ออกดอกเร็ว ผลโตมาก ลักษณะผลเหมือนมะนาวแป้นทั่วไป เปลือกบาง มีน้ำมากเหมือนมะนาวจำรัส 28 ผลที่ออก 2 เดือนก็มีน้ำมากแล้ว และผลโตมากโดยไม่ต้องบังคับเช่นเดียวกับพันธุ์จำรัส 28 มีการเจริญเติบโตและการต้านทานโรคดีมาก” ลุงจำรัส เผยเคล็ดลับ
เจ้าของสวนมะนาวชื่อดัง เผยถึงเทคนิคการปลูกมะนาวว่า จะปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ขนาด 80 เซนติเมตร แต่ละวงบ่อซีเมนต์วางห่างกัน ประมาณ 3 เมตร เพื่อให้สะดวกในการดูแลต้นมะนาว โดยทั่วไปพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะสามารถปลูกมะนาวได้ 135 บ่อ ใช้เงินลงทุน ประมาณ 50,000 บาท สำหรับค่าปุ๋ย ค่าต้นพันธุ์มะนาวรวมทั้งค่าวงบ่อซีเมนต์ หลังจากปลูกมะนาวแล้ว ภายใน 1 ปี สามารถถอนทุนคืนได้ทั้งหมด และในปีที่ 2 จะสามารถทำกำไรได้ถึง 1 เท่าตัว หรือสามารถทำเงินได้ 100,000 บาท เนื่องจากการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถควบคุมน้ำและปุ๋ยได้ดี สามารถผลิตมะนาวนอกฤดูออกขายทำกำไรได้ตามที่ต้องการ ขณะที่การปลูกมะนาวลงดิน แม้จะมีผลผลิตสม่ำเสมอ แต่ยังทำผลกำไรสูงไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถบังคับให้ต้นมะนาวมีผลผลิตออกนอกฤดูได้”
เมื่อถามถึงการเตรียมวัสดุปลูก ของสวนแห่งนี้ ลุงจำรัส บอกว่า สวนของผมเลือกใช้ดินเหนียวแห้ง ใส่จนเต็มวงบ่อซีเมนต์ จากนั้นเติมปูนขาวลงไป 1 กำมือ ต่อ 1 หลุม รดน้ำตามหนึ่งครั้งพอให้ดินชุ่มชื้น ขุดหลุมลึกประมาณ 20 เซนติเมตร จากนั้นให้นำกิ่งพันธุ์มะนาวที่จัดเตรียมไว้ ปลูกลงในวงบ่อซีเมนต์ได้เลย และนำไม้ไผ่มาผูกกับต้นมะนาว เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นมะนาวโอนเอนไปมาในช่วงที่มีลมแรง จากนั้นเทแกลบเหลืองโรยหน้าดิน ตามด้วยปุ๋ยคอก เทให้หนาประมาณ 1 นิ้ว คอยดูแลให้น้ำและใส่ปุ๋ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นมะนาวเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ โดยผลผลิตจะพุ่งสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค. และเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงหน้าแล้งที่มะนาวในตลาดจะให้ผลน้อย ทำให้สามารถกำหนดราคาในการขายได้
ผู้ใดสนใจเรื่องการปลูกมะนาว อยากเรียนรู้หลักการปลูก เพื่อนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตนเองเเละครอบครัว ลุงจำรัสยินดีเปิดสอนให้ฟรี และหากเรียนแล้วสนใจซื้อต้นมะนาวของลุงจำรัสไปปลูก ก็มีขายให้ในราคาต้นละ 200 บาท
สามารถเดินทางมาหาลุงจำรัส ได้ที่บ้านเลขที่ 363 ถนนพัฒนาการ แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีบีทีเอสวุฒากาศ มุ่งหน้าไปทางถนนราชพฤกษ์ ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือโทรศัพท์ไปสอบถามก่อนได้ที่หมายเลข 081-552-6700 หรือ 02-457-0920
ขอขอบคุณเครดิตข้อมูลและภาพจาก : khaosod