เรียกได้ว่าเป็นปัญหาแนวหน้าของสาวๆเลยกับปัญหาฝ้า กระจุดด่างดำต่างๆ เนื่องจากแดดบ้านเราร้อนแรงมาก มันจึงทำร้ายผิวหน้าของเราทำให้เกิดฝ้าขึ้น ทำให้สาวๆรู้สึกไม่มั่นใจ สำหรับสาวๆที่กำลังมีปัญหาเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ วันนี้เรามีสูตรแก้ฝ้าจากมะขามเปียกมาฝากกันค่ะ หลายๆคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่ามะขามเปียกจะช่วยให้เราผิวใสขึ้น เรามาดูสูตรรักษาฝ้ากันบ้างดีกว่า
ฝ้า เกิดจากความผิดปกติของการสร้างสีผิวของผิวหนังในบางแห่งและเป็นเฉพาะบางคนเท่านั้น แต่โดยมากแล้วฝ้ามักจะเกิดในคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำหรือผิวดำ
ฝ้าเกิดได้หลายๆที่บนใบหน้า เนื่องจากผิวหนังที่หน้าจะมีเซลล์สร้างสีผิวมากกว่าบริเวณอื่นๆ และโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแดดได้บ่อยที่สุด ฝ้าพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้เป็นฝ้าง่ายขึ้นและทำให้คนที่เป็นฝ้าเป็นมากขึ้นอีกด้วย
สาเหตุของการเกิดฝ้า
1. แสงแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดทำให้เกิดฝ้า เมื่อผิวหนังถูกแสงแดด รัง สีอุลตร้าไวโอเลตจะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนสมากขึ้น ทำให้มีการสร้างเม็ดสีผิดปกติจนเกิดเป็น ฝ้า กระ หรือ รอยด่างดำมากขึ้นได้
2. ฮอร์โมน
ฮอร์โมน บางอย่างทำให้เกิดฝ้าหรือทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่เข้มมากขึ้น โดยมากมักพบในคนตั้งครรภ์ หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด และอาจพบในคนที่เป็นธัยรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ผิวหนังทั่วร่างกายจะมีสีคล้ำมากขึ้น
3. ยารับประทาน
มียาหลายชนิดที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น ยากันชัก Diphenylhydantoin ,Mesantoinเป็นต้น
4. เครื่องสำอาง
บางคนเกิดการแพ้เครื่องสำอาง เช่นน้ำหอม สี สารกันเสีย ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้าได้
5. การขาดอาหาร
การขาดสารอาหารบางอย่างทำให้มีสีผิวคล้ำขึ้นได้ เช่น กรด Folic ,วิตามินเอ,วิตามินซี หรือวิตามินบี12 เป็นต้น
6. พันธุกรรม
คนในครอบครัวเดียวกันมีโอกาสเกิดฝ้าได้ถึง 30-50% และพบว่าฝ้ามักเกิดในคนเอเซีย ซึ่งอาจเกิดจากอิทธิพลของพันธุกรรมหรืออาจเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม ก็เป็นได้
กระ
กระ เป็นรอยด่างดำ ที่ผิวหนังชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ มีขอบเขตชัดเจน ซึ่งต่างกับฝ้า ตรงที่ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้น และขนาดใหญ่กว่า กระ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติเมื่อถูกแสงแดด มักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ คนที่มีพ่อแม่ เป็น กระ จะมีโอกาสเป็น กระ มากกว่าคนทั่วไป หากตากแดดจะทำให้จำนวนกระเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้
มะขามใช้ทำอาหารได้หลายส่วน มะขามเปียกที่ทำจากมะขามฝักแก่เป็นเครื่องปรุงรสเปรี้ยวที่สำคัญในอาหารไทย ทั้งแกงส้ม ต้มส้ม ไข่ลูกเขย น้ำปลาหวาน ยอดและใบมะขามอ่อนนำไปยำหรือใส่ในต้มเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว และยังใช้ทำขนมได้อีกหลายชนิด ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามินเอมาก
มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" มะขามเปียกอุดมด้วยกรดอินทรีย์ อาทิ กรดซิตริก กรดทาร์ทาริก กรดมาลิก มีคุณสมบัติชำระล้างความสกปรกรูขุมขน คราบไขมันบนผิวหนังได้ดี วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับ 4 สูตรรักษาฝ้าด้วย “มะขามเปียก” หน้าใสไร้สารเคมี มาฝากทุกคนกันค่ะ
1.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกน้ำผึ้ง นำมะขามเปียกแช่น้ำอุ่นจนได้เนื้อเนียนแล้วกรองเอาแต่เนื้อมะขามผสมกับน้ำผึ้งแท้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นให้นำมาสครับหน้าอย่างเบามือ โดยเน้นบริเวณที่เป็นฝ้าหรือจุดด่างดำประมาณ 5 นาที หลังจาก สครับเสร็จให้พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ด้วยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่ช่วยบำรุงผิวให้อ่อนกว่าวัยและมะขามเปียกที่ช่วยขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ จะทำให้ใบหน้าของคุณขาวใส นวลเนียนขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
2.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกขมิ้นชัน นำมะขามเปียกแช่น้ำอุ่น แล้วกรองเอาแต่เนื้อผสมกับขมิ้นชัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาทีแล้วล้างออก ด้วยคุณสมบัติในการช่วยปรับสภาพผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ของขมิ้นชัน เมื่อผสมกับมะขามเปียกที่ช่วยชจัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูสภาพผิวแล้วล่ะก็ จึงทำให้ฝ้าที่อยู่บนใบหน้าของคุณจางลงเมื่อทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
3.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกนมสด ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำมะขามเปียกมาแช่ด้วยนมสด เมื่อเนื้อมะขามเปียกกับนมสดรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 – 20 นาที หลังจากนั้นล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าอ่อนๆ ทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ด้วยคุณสมบัติของมะขามเปียกจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้น และนมสดยังช่วยบำรุงให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งเหมือนผิวเด็กอีกด้วย
4.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกโยเกิร์ต นำมะขามเปียกแช่ในน้ำอุ่น กรองเอาแต่เนื้อมะขามมาผสมโยเกิร์ตแล้วพอกหน้าทิ้งไว้ให้ทั่วประมาณ 10 – 15 นาทีแล้วล้างออก โดยทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง คุณจะพบว่าใบหน้าของคุณจะอ่อนเยาว์ เนียนนุ่ม และขาวใสขึ้น ด้วยคุณสมบัติของโยเกิร์ตที่ดูดซับสิ่งสกปรก บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ผสมกับคุณสมบัติของมะขามเปียก ทำให้ปัญหาฝ้ากระของคุณจางลงได้
เป็นยังไงกันบ้างละคะสาวๆ ลองไปทำตามกันดูนะแล้วปัญหาของคุณจะหมดไป มีผิวหน้าที่กลับมาสวยเหมือนเดิมได้ง่ายๆแบบไม่เปลืองเงินเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : sukkaphap-d
ฝ้า เกิดจากความผิดปกติของการสร้างสีผิวของผิวหนังในบางแห่งและเป็นเฉพาะบางคนเท่านั้น แต่โดยมากแล้วฝ้ามักจะเกิดในคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำหรือผิวดำ
ฝ้าเกิดได้หลายๆที่บนใบหน้า เนื่องจากผิวหนังที่หน้าจะมีเซลล์สร้างสีผิวมากกว่าบริเวณอื่นๆ และโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแดดได้บ่อยที่สุด ฝ้าพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้เป็นฝ้าง่ายขึ้นและทำให้คนที่เป็นฝ้าเป็นมากขึ้นอีกด้วย
สาเหตุของการเกิดฝ้า
1. แสงแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดทำให้เกิดฝ้า เมื่อผิวหนังถูกแสงแดด รัง สีอุลตร้าไวโอเลตจะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนสมากขึ้น ทำให้มีการสร้างเม็ดสีผิดปกติจนเกิดเป็น ฝ้า กระ หรือ รอยด่างดำมากขึ้นได้
2. ฮอร์โมน
ฮอร์โมน บางอย่างทำให้เกิดฝ้าหรือทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่เข้มมากขึ้น โดยมากมักพบในคนตั้งครรภ์ หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด และอาจพบในคนที่เป็นธัยรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ผิวหนังทั่วร่างกายจะมีสีคล้ำมากขึ้น
3. ยารับประทาน
มียาหลายชนิดที่ทำให้เกิดฝ้าได้ เช่น ยากันชัก Diphenylhydantoin ,Mesantoinเป็นต้น
4. เครื่องสำอาง
บางคนเกิดการแพ้เครื่องสำอาง เช่นน้ำหอม สี สารกันเสีย ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้าได้
5. การขาดอาหาร
การขาดสารอาหารบางอย่างทำให้มีสีผิวคล้ำขึ้นได้ เช่น กรด Folic ,วิตามินเอ,วิตามินซี หรือวิตามินบี12 เป็นต้น
6. พันธุกรรม
คนในครอบครัวเดียวกันมีโอกาสเกิดฝ้าได้ถึง 30-50% และพบว่าฝ้ามักเกิดในคนเอเซีย ซึ่งอาจเกิดจากอิทธิพลของพันธุกรรมหรืออาจเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม ก็เป็นได้
กระ
กระ เป็นรอยด่างดำ ที่ผิวหนังชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ มีขอบเขตชัดเจน ซึ่งต่างกับฝ้า ตรงที่ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้น และขนาดใหญ่กว่า กระ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติเมื่อถูกแสงแดด มักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ คนที่มีพ่อแม่ เป็น กระ จะมีโอกาสเป็น กระ มากกว่าคนทั่วไป หากตากแดดจะทำให้จำนวนกระเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้
มะขามใช้ทำอาหารได้หลายส่วน มะขามเปียกที่ทำจากมะขามฝักแก่เป็นเครื่องปรุงรสเปรี้ยวที่สำคัญในอาหารไทย ทั้งแกงส้ม ต้มส้ม ไข่ลูกเขย น้ำปลาหวาน ยอดและใบมะขามอ่อนนำไปยำหรือใส่ในต้มเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว และยังใช้ทำขนมได้อีกหลายชนิด ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามินเอมาก
มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" มะขามเปียกอุดมด้วยกรดอินทรีย์ อาทิ กรดซิตริก กรดทาร์ทาริก กรดมาลิก มีคุณสมบัติชำระล้างความสกปรกรูขุมขน คราบไขมันบนผิวหนังได้ดี วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับ 4 สูตรรักษาฝ้าด้วย “มะขามเปียก” หน้าใสไร้สารเคมี มาฝากทุกคนกันค่ะ
1.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกน้ำผึ้ง นำมะขามเปียกแช่น้ำอุ่นจนได้เนื้อเนียนแล้วกรองเอาแต่เนื้อมะขามผสมกับน้ำผึ้งแท้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นให้นำมาสครับหน้าอย่างเบามือ โดยเน้นบริเวณที่เป็นฝ้าหรือจุดด่างดำประมาณ 5 นาที หลังจาก สครับเสร็จให้พอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก ด้วยคุณสมบัติของน้ำผึ้งที่ช่วยบำรุงผิวให้อ่อนกว่าวัยและมะขามเปียกที่ช่วยขัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ จะทำให้ใบหน้าของคุณขาวใส นวลเนียนขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
2.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกขมิ้นชัน นำมะขามเปียกแช่น้ำอุ่น แล้วกรองเอาแต่เนื้อผสมกับขมิ้นชัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาทีแล้วล้างออก ด้วยคุณสมบัติในการช่วยปรับสภาพผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ของขมิ้นชัน เมื่อผสมกับมะขามเปียกที่ช่วยชจัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูสภาพผิวแล้วล่ะก็ จึงทำให้ฝ้าที่อยู่บนใบหน้าของคุณจางลงเมื่อทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
3.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกนมสด ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำมะขามเปียกมาแช่ด้วยนมสด เมื่อเนื้อมะขามเปียกกับนมสดรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15 – 20 นาที หลังจากนั้นล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าอ่อนๆ ทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ด้วยคุณสมบัติของมะขามเปียกจะช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้น และนมสดยังช่วยบำรุงให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งเหมือนผิวเด็กอีกด้วย
4.วิธีรักษาฝ้าด้วยมะขามเปียกโยเกิร์ต นำมะขามเปียกแช่ในน้ำอุ่น กรองเอาแต่เนื้อมะขามมาผสมโยเกิร์ตแล้วพอกหน้าทิ้งไว้ให้ทั่วประมาณ 10 – 15 นาทีแล้วล้างออก โดยทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง คุณจะพบว่าใบหน้าของคุณจะอ่อนเยาว์ เนียนนุ่ม และขาวใสขึ้น ด้วยคุณสมบัติของโยเกิร์ตที่ดูดซับสิ่งสกปรก บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ผสมกับคุณสมบัติของมะขามเปียก ทำให้ปัญหาฝ้ากระของคุณจางลงได้
เป็นยังไงกันบ้างละคะสาวๆ ลองไปทำตามกันดูนะแล้วปัญหาของคุณจะหมดไป มีผิวหน้าที่กลับมาสวยเหมือนเดิมได้ง่ายๆแบบไม่เปลืองเงินเลย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : sukkaphap-d