Home »
Uncategories »
ราชกิจจานุเบกษาประกาศ พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ เก็บของป่าต้องขึ้นทะเบียน
ราชกิจจานุเบกษาประกาศ พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ เก็บของป่าต้องขึ้นทะเบียน
ทางเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ระบุว่า
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติพระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา
26 ประกอบกับมาตรา 28 มาตรา 33 มาตรา 37 และมาตรา 40
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตุผลและความจำ
เป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้
เพื่อให้การสงวน-อนุรักษ์-คุ้มครอง
และบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกขชาติ
และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ
และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุลและยั่งยืน
ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 26
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา
สำหรับ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ
โดยที่พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน
ทำให้บทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันในการสงวน อนุรักษ์
คุ้มครอง และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พันธุ์ไม้, สัตว์ป่า
ตลอดจนทิวทัศน์ ป่า และภูเขา ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมมิให้ถูกทำลาย
ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์ของประเทศในการเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติหรือนันทนาการของประชาชน
และเพื่อให้การใช้ประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพในอุทยานแห่งชาติเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน
และสอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศตามพันธกรณีที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สาระสำคัญของบางมาตรา
ระบุมีการเพิ่มบทลงโทษแรงขึ้นจำคุกสูงสุด 20 ปีปรับเงิน 2 ล้าน (มาตรา 41)
ผู้ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า
หรือกระทำด้วยประการใด ๆ
ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมในอุทยานแห่งชาติ
วนอุทยานสวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 19 (1)
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปีหรือปรับตั้งแต่ 400,000 -2,000,000
บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีความผิดตามวรรค 1
“ถ้าได้กระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2
ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ
ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งกึ่งหนึ่ง”
มาตรา
42 ผู้ใดเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำ
ให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม
หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ
วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 19 (2)
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีความผิดตามวรรคหนึ่ง
ถ้าเป็นการกระทำแก่ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลและมีมูลค่ารวมกันไม่เกิน
2,000 บาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ในกรณีความผิดตามวรรคหนึ่ง
ถ้าเป็นการกระทำที่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ที่เป็นต้น
หรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกิน 20 ต้นหรือท่อน
หรือรวมปริมาตรไม้ เกิน 4 ลูก บาศก์เมตร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่
4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 -2,000,000 บาท
ใครที่ชื่นชอบการเข้าไปเก็บของป่า ต้องทำตามกฎหมายแล้วนะคะ ไม่งั้นโดนปรับ