ไปวัดประจำ ทำบุญเยอะแยะ ทำไมถึงไม่รวย?

มีคนข้างบ้าน ชอบพูดว่า “ไปวัดประจำ ทำบุญเยอะแยะ ทำไมไม่รวย?”

เป็นคุณ คุณจะตอบยังไง???

คนส่วนใหญ่ แม้เป็นชาวพุทธ รู้เรื่องบุญเรื่อง บ า ป มาบ้าง แต่ก็เข้าใจเรื่อง “บุญ” ไม่ถูกต้อง

ส่วนหนึ่ง คิดว่า คนที่ ร ว ย มาก คือ มีบุญมาก

ส่วนหนึ่ง คิดว่า คนมีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักดิ์มาก คือ มีบุญมาก

ส่วนหนึ่ง คิดว่า คนหน้าตาดี ผิวพรรณดี สติปัญญาดี คือ มีบุญมาก

ส่วนหนึ่ง ก็คิดว่า คนที่ได้บวชเป็นพระ คือ คนที่มีบุญมาก

เนื่องจาก บุญ เป็นของละเอียด ไม่เหมือนทรัพย์สินเงินทอง ที่ใคร ร ว ย มาก ร ว ย น้อย สามารถคำนวณมูลค่าทรัพย์สินได้

เว้นจากผู้ที่มีดวงตาพิเศษที่สามารถเห็นดวงบุญได้ นอกนั้นไม่มีใครบอกได้ว่า ใครมีบุญมากน้อยเท่าใด

ถ้าดูจากลักษณะภายนอก คนมีบุญมาก ไม่ใช่ คนที่มีทรัพย์มาก ไม่ใช่คนมี ย ศ มาก ไม่ใช่คนมีสติปัญญามาก และก็ไม่ใช่คนที่ได้บวชเป็นพระ

แต่ …. “คนที่สามารถสอนตัวเองได้มาก” ต่างหากคือ คนที่มีบุญมาก!!

คือสามารถสอนตัวเองให้รู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ ว อะไรควรอะไรไม่ควร เพื่อมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลส ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

ถ้าบุญมากถึงมากที่สุด ก็สามารถสอนตัวเองให้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ บุญลดหย่อนลงมาก็สอนตัวเองให้ไปพรหมโลก

ไปสวรรค์ได้ หากบุญน้อยๆก็ไปเกิดใน น ร ก เ ป ร ต อ สุ ร ก า ย สั ต ว์ เ ด เ ด รั จ ฉ า น มนุษย์ตามลำดับ

ดังนั้นไม่ต้องให้ใครมาบอกว่า มีบุญมากหรือมีบุญน้อย จนรวยไม่สำคัญ แค่ดูว่า สอนตัวเองได้แค่ไหน นั่นคือดัชนีบ่งชี้ว่าในตัวมีบุญบารมีมากน้อยขนาดไหน

มีน้อยก็รีบๆทำเพิ่ม มีมากอยู่แล้วก็ต้องยิ่งทำเพิ่มให้มากขึ้นไปอีก เพราะมากอย่างไร ก็ยังน้อยกว่าพ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า อยู่ดี