เล่าประสบการณ์จริง เข้าถ้ำนี้หากมีวิบาก ทางสว่าง ไม่ต้องใช้ไฟฉาย ก็ไปได้

เล่าถึง ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน

หวัดดีๆ

วันนี้ มีคนอินบ๊อกซ์มาหาข้าหลายราย

ส่งไฟล์เกี่ยวกับเด็กหลงหายเข้าไปในถ้ำหลวง แถวๆ ขุนน้ำนางนอน

นักเตะเยาวชน ราว 12 คนหาย และโค้ชนักฟุตบอล 1 คนเข้าไปในถ้ำหลวง

ซึ่งถ้ำหลวงนี้ ข้าเคยพาพวกเราเข้าไปกัน

ครั้งนั้นเข้าไปกันราวสี่สิบคนเศษ

ที่เข้าไป ก็เพราะ มีพลังงานที่เป็นวิญญาณที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน เขาขอให้เข้าไป

บริเวณแถวนั้น มันติดๆกัน

มีหลายถ้ำ มากมาย

ยาวติดกันไปเป็นเทือก

ออกไปถึงพม่าได้

สมัยก่อน ใช้เป็นเส้นทางหลบหลีกหนีกองทัพ

หนีภัยยามบ้านเมืองเกิดสงคราม และเป็นที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม บวงสรวง ให้แผ่นดินปลอดภัย

ตอนแรกนั่น ที่เราทำพิธีถวายองค์พระเพื่อแผ่นดิน

ให้แก่เหล่าเทวาที่นั่น

เพื่อความผาสุขแก่เหล่าอดีตวิญญาน และเทพารักษ์

ซึ่งวันนั้น เราไปกันเยอะ

ที่ไปกันเยอะนี่ ก็แค่อยากจะไปเห็นเหล่าผีเข้าพวกเรานั่นแหละ

มันอยากเห็นคนโดนผีเข้า อยากรู้ว่าผีจะพูดอะไร อยากรู้อะไรที่ไม่เคยเห็นไม่เคยฟัง

พูดง่ายๆว่าอยากเสือกเรื่องของผีเขา เสือกนี่เป็นอาหารว่างรสชาติดี

แต่ทว่าวันนั้น เหล่าผีเทวาชั้นสูงมีบารมี เขาลงมารับบุญกุศลเอง

เหล่าชั้นรองๆลงไป ก็เลยไม่กล้าออกมาแหยม

แต่วันนั้นผีเยอะ เข้ามารับบุญกุศลเยอะ ผีเข้าเหมือนกัน

แต่เข้าแล้วนั่งสงบเสงี่ยมเป็นนางสาวไทย ไม่ร้องให้ฟูมฟายแบบครั้งก่อน

พูดมากไป คนมันก็จะดราม่ากุอีก เคยเล่าให้ฟังไปแล้ว

เมื่อทำพิธีเสร็จ

มีวิญญาณพราหมณ์เจ้าพิธี ดูแลถ้ำ ได้เชิญให้ข้าเข้าไปเยี่ยมเยือนถ้ำใหญ่

ถ้ำใหญ่นี่ก็คือถ้ำหลวงนี่แหละ

เขาอยากให้ข้าไปกัน ที่นั่นเป็นบ้าน เป็นเมืองที่เขาอาศัย

ข้าก็เลยตกลงไป อยู่ตรงไหนก็ยังไม่รู้

ที่ถ้ำหลวงนั้น คนของเรา เคยเป็นหัวหน้าป่าไม้ที่นี่

ที่นั่น มีเจ้าแม่เฝ้าถ้ำ ซึ่งก็เป็นพลังงานที่แรงอยู่เหมือนกัน ข้าขนหัวลุกตั้ง

เมื่อไปถึงวิญญาณเชิญให้เดินทางเข้าไป

ข้าก็เลยนำทางเข้าไป ถ้ำกว้าง มืดและลึกมีอากาศถ่ายเท แสดงว่าต้องมีทางทะลุออกไป

เราเข้าไปลึกจนถึง เส้นทางที่เพดานถ้ำต่ำ ต้องคลานเข้าไป

เมื่อหลุดพ้นจากถ้ำเพดานต่ำ ก็จะเจอถ้ำเป็นโถงใหญ่

มีอีกหลายช่องทางเป็นถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมายหลังจากนั้น

ข้ามาคิดดูแล้ว พวกเรามากันมากมาย

อาจจะหลงพลัดพรากจากกันได้

ข้าก็เลยหันหลังกลับ

พอหันหลังกลับ เมียเจ้านักรบ ที่เป็นพม่า ก็ร้องกรี๊ด.ด.ด! เสียงดัง

ร้องห่มร้องไห้

โกรธเคือง น้อยอกน้อยใจ ว่าทำไม

พ่อหลวงเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ไปโปรดไม่ไปเยี่ยม

เหล่าลูกหลานที่รอคอยมานานแสนนานเล่า

กลับทำไม

ทำไมไม่ไปต่อให้ถึงจุดที่รอคอย พวกเขาต่างรอคอยอยู่ที่นั่น

แต่ข้าไม่สนใจหรอก ผีทั้งนั้นไม่ไหว

เกิดพูดไม่รู้เรื่องกันขึ้นมา วิ่งกันน้ำบานเลย มืดซะด้วย

ข้าหันหลังกลับ

มันก็ร้องไห้คร่ำครวญคุกเข่าตรงนั่นแหละ

ทุกคนคิดว่า นางสติแตก ร้องห่มร้องให้โวยวายที่ไม่ไปต่อ

นั่นมันผีนะเว๊ยเฮ้ย ผีจะเอาแต่ใจ

ข้าเดินสวนกลับ

แต่มีบางคนยังเดินทื่อจะเข้าไปให้ได้

ทุกคนก็พยายามร้องเรียก ว่าหลวงพ่อกลับแล้ว

แต่เจ้านั่น รู้สึกว่าจะเป็นเจ้านพ เจ้านกฮูกหรือไง ดันไม่ได้ยิน

ที่สำคัญ พวกนี้มันไม่ได้มองเห็นว่ามืดอย่างที่เราเห็นว่ามืด

พวกนี้มองเห็นว่าหนทางมันสว่าง

ข้าเห็นความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง

จึงหวนเดินกลับ เดินไปแผ่เมตตาไป

ซักพักก็ได้ยินว่า พวกที่เดินเข้าไปนั้น วกกลับออกมาแล้ว

ข้าจึงให้ทุกคนมารวมตัวกัน

แล้วปิดไฟทุกดวง

ความมืดสนิทก็เข้ามาครอบงำ

ทุกคนจึงเห็นชัดว่า

ภายในถ้ำนั้น มันมืดสนิท

มองไม่เห็นอะไรเลย

ข้านำขอขมากรรมต่อผืนแผ่นดิน

และนำทุกคนสวดมนต์พุทธัง..

ในความมืดนั่น

ข้าน่ะมองเห็นทุกคน

ข้าจึงเดินไปหาป๋าเอ๋

ที่แกแอบนั่งอยู่บนก้อนหิน

กะไปแกล้งป๋าแก

แกนั่งห่างกันจากกลุ่มราว 50 เมตร

พอดีสวดมนต์กันเสร็จ

จึงพากันแผ่เมตตา

บางคนบอกว่า ขณะสวดพุทธัง

เขามีอาการปิติอยากจะตะโกน

ตัวสั่น คุมไม่อยู่

ข้าเห็นอาการหลายคนเหมือนผีจะเข้า

จึงเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มในความมืดนั้น

ขืนอยู่

เดี๋ยวเกิดมันแปลงกายกันขึ้นมา

ข้าจะวิ่งน้ำบานเอา

ซักพักใหญ่ก็เจอพวกเจ้าโน๊ตเจ้าฝ้าย และเจ้าหมอพรทิพย์ผมกระเซิงน่ะ

พวกมันเก่งนะ

เดินกันตามเข้ามาหลังสวดมนต์และแผ่เมตตาแล้วโดยไม่ต้องใช้ไฟฉาย

มันเดินกันเข้ามาได้ จากอีกช่องทางนึง ที่เราไม่ได้เดินกันออกมา

แต่พวกมันเดินทะลุกันออกมาจากช่องทางแคบๆนั้นได้

แต่มันบอกว่ากว้าง และไม่เห็นว่าจะมืดอะไรเลย

พวกนี่ ไม่ได้ใช้ไฟฉาย

พวกนี้มีผีสิงเจ้าฝ้ายพากันเดินแบบสบายใจ

นี่ถ้าข้ายังเดินต่อไป

เจ้ากลุ่มพวกนี้ก็จะออกไปอีกทาง

ข้าก็ไปอีกทาง

ไม่รู้จะเจอกันรึเปล่า

ทั้งๆที่ตอนเข้ามา

ทางที่ข้าเห็นมันก็มีเส้นทางเดียว

ไม่มีแยก

แต่ของเจ้าพวกนี้ที่ตามๆมา

มันมีแยก

และที่สำคัญ

พวกนี้เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฉายนำ

มันเดินดุ่มๆกันไป เถียงเรื่องเส้นทางกัน

โดยไม่รู้ว่า เถียงกันอยู่กับผี

นี่..เรื่องพวกนี้ นี่

ใครไม่เคยประสบ ย่อมดูเป็นเรื่องเหลวไหล

คราวนี้ก็ย้อนมาถึงวันนี้

วันที่มีคนมาถามข้าเกี่ยวกับเด็กๆทั้ง 13 คน

เด็กๆพวกนั้นก็คงเป็นเช่นเดียวกับพวกเจ้าโน๊ต นกฮูก เจ้าฝ้ายนั่นแหละ

คือเดินเข้าไปโดยไม่ต้องใช้ไฟฉาย

เส้นทางจะสามารถมองเห็นได้ตลอด

เพราะพวกเขา เท่าที่ทราบมา

พวกเขาไปซ้อมกีฬา คือเตะบอลกัน

คงผ่านมาทางขุนน้ำนางนอน แล้วแวะเข้าไปพัก

คงกะเที่ยวถ้ำสนุกๆเพราะผ่านมาเท่านั้น

เพราะเวลานั้น ก็ห้าโมงเย็นแล้ว

ไฟฉายก็คงไม่ได้พกพามาเพื่อมาเที่ยวถ้ำกันหรอก

อาจจะแค่แวะเที่ยว

คราวนี้ แม้จะเป็นเวลาเย็น

แต่ที่นั่น พลังงานวิญญาณเขามี

หากใครมีสัญญาต่อกันทางวิบาก

พวกเขาก็อาจเข้าไปในถ้ำที่มืดสนิทนั้น โดยไม่ต้องใช้ไฟฉาย

และมีความรู้สึก อยากเดินลึกเข้าไปเรื่อย

จะไม่รู้สึกดูน่ากลัว

เหมือนกับพวกเจ้าโน้ตมันเคยเผชิญมา

เส้นทางมันก็เห็นๆกันนี่แหละ

เดินตามๆอยู่ดีๆ เส้นทางก็เป็นทางทึบตันไปซะนี่

ต้องเลี้ยวเข้าช่องนั้นช่องนี้

ให้แตกแยกกลุ่มกันออกไป

นี่ทางพวกเวทย์มนต์คาถา เขาเรียกว่า วิชาบังบด

มีวิชาบังไพร บังรูป บังอร บังเอิญอะไรอีกเยอะแยะ

เด็กๆพวกนี้ หาตามวิสัยโลกจะหายาก ไม่อาจเจอ

พวกหาต้องใช้ไฟส่องหา

แต่พวกเขาเดินสบายไม่ต้องใช้ไฟส่องทางเดิน

เรื่องเช่นนี้ คนไม่เจอ มันก็ผิดธรรมชาติเนอะ

เชื่อยาก

จริงๆเด็กเข้าไปไม่ลึกซักเท่าไหร่หรอก

แต่มองไม่เห็นน่ะ

เด็กก็มองคนหาไม่เห็นเหมือนกัน

ที่นั่น มีอะไรแปลกๆที่คาดไม่ถึง

จู่ๆผีก็ผ่านเข้าคนของข้า ถึงกับต้องหามกันมาก็หลายคน

ของข้านั้น เขาอยากให้ไปเยือน

อยากให้ไปโมทนาบุญ

ซึ่งข้าก็ทำให้แล้ว

เรื่องถ้ำหลวงนี่

ถ้าไม่จำเป็น ก็อย่าเข้าไปเสี่ยงเลย

มันมีกาลที่ซ้อนพิลึกกึกกืออยู่

มีแร่แปลกๆมากมาย

มีสินแร่ที่มีค่ามากมาย

คนตายกันมากมาย

เป็นที่เคารพสักการะต่อพิธีกรรมต่างๆมานาน

ถ้าอยากเข้าไป ก็ศึกษาแผนที่และการวางแผนให้ดีๆ

หน้าฝนนี่อย่าเข้าไป

เพราะอาจต้องเผชิญกับน้ำหลากที่ท่วมขึ้นสูงถึงเพดานถ้ำอย่างรวดเร็ว

ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ข้ากล่าวถึงให้ฟัง

ขอให้สุขสมหวังกันทุกคน

ขอให้เจอเด็ก รอดออกมาปลอดภัย

หวัดดี


พระธรรมเทศนาโดย

พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง

วัน อาทิตย์ ที่ 24 มิถุนายน 2561

ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง

อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี