สืบเนื่องจากมีการแชร์คลิปไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก
ซึ่งเป็นภาพขณะที่พนักงานชายโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณหาดเลพัง –
บางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ได้เข้าไปพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ
ที่นำเสื่อมาปูบนหาดทรายให้ครอบครัวนั่งอาบแดด สรุปว่า
ไม่ให้นักท่องเที่ยวปูเสื่อนั่งในบริเวณดังกล่าว
เนื่องจากพื้นที่ชายหาดบริเวณดังกล่าวเป็นของโรงแรม
และขอให้ย้ายเสื่อออกไปด้วย
ซึ่งสร้างความมึนงงให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เพราะไม่รู้ว่าชายหาดจะมีเจ้าของ ภายหลังที่มีการเผยแพร่คลิปออกไป ปรากฏว่า
มีผู้เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา โดยเฉพาะข้อสงสัยที่ว่า
ชายหาดควรจะเป็นที่สาธารณะ และทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันใช่หรือไม่
แล้วเอกชนมีเอกสารสิทธิ์บนชายหาดได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อไหร่
พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลในเรื่องนี้
รวมถึงตรวจสอบบริเวณชายอื่นๆ ของเกาะภูเก็ตด้วย เพราะกระทบกับการท่องเที่ยว
“จากการตรวจสอบพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวปูเสื่อและมีเด็กเล็กๆ นั่งอยู่ตามภาพที่เผยแพร่ออกไปนั้น คนทั่วไปย่อมเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ชายหาดสาธารณะอย่างแน่นอน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริเวณชายหาดดังกล่าวอยู่ในเขตโฉนดของโรงแรม ซึ่งมีหลักเขตปักไปจนถึงจุดที่น้ำทะเลท่วมถึง แต่ด้วยสภาพที่เป็นหาดทราย ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งในเรื่องนี้ได้นำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทราบแล้ว เพื่อจะได้หามาตรการในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอีก”
.
นายมาแอน กล่าวด้วยว่า ปัญหาในเรื่องของหลักเขตโฉนดบนชายหาดนั้น จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดิน เจ้าท่าฯ เป็นต้น ได้มีการมาหารือแนวทางกันอย่างจริงจัง เพราะพื้นที่ของชายหาดบริเวณนี้ จะมีปัญหาการเปลี่ยนสภาพ โดยเฉพาะในฤดูมรสุม ซึ่งจะมีปัญหาการกัดเซาะชายหาดเข้ามาบนชายฝั่ง และเลยเข้ามาเขตโฉนด และทางเจ้าของหลักเขตโฉนดยังคงยืนยันในกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ในขณะเดียวกัน ความเข้าใจของบุคคลทั่วไป เมื่อเห็นว่าสภาพเป็นชายหาดก็คิดว่าน่าจะเป็นที่สาธารณะ และทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ และชายหาดก็ไม่น่าจะมีกรรมสิทธิ์ของใครคนใดคนหนึ่งด้วย
.
.
.
“จากการตรวจสอบพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวปูเสื่อและมีเด็กเล็กๆ นั่งอยู่ตามภาพที่เผยแพร่ออกไปนั้น คนทั่วไปย่อมเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ชายหาดสาธารณะอย่างแน่นอน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริเวณชายหาดดังกล่าวอยู่ในเขตโฉนดของโรงแรม ซึ่งมีหลักเขตปักไปจนถึงจุดที่น้ำทะเลท่วมถึง แต่ด้วยสภาพที่เป็นหาดทราย ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งในเรื่องนี้ได้นำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทราบแล้ว เพื่อจะได้หามาตรการในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอีก”
.
นายมาแอน กล่าวด้วยว่า ปัญหาในเรื่องของหลักเขตโฉนดบนชายหาดนั้น จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ดิน เจ้าท่าฯ เป็นต้น ได้มีการมาหารือแนวทางกันอย่างจริงจัง เพราะพื้นที่ของชายหาดบริเวณนี้ จะมีปัญหาการเปลี่ยนสภาพ โดยเฉพาะในฤดูมรสุม ซึ่งจะมีปัญหาการกัดเซาะชายหาดเข้ามาบนชายฝั่ง และเลยเข้ามาเขตโฉนด และทางเจ้าของหลักเขตโฉนดยังคงยืนยันในกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ในขณะเดียวกัน ความเข้าใจของบุคคลทั่วไป เมื่อเห็นว่าสภาพเป็นชายหาดก็คิดว่าน่าจะเป็นที่สาธารณะ และทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ และชายหาดก็ไม่น่าจะมีกรรมสิทธิ์ของใครคนใดคนหนึ่งด้วย
.
.
.