น้ำพริกปลาทู (Fried mackerel with shrimp paste sauce) อาหารยอดฮิตของทุกภาคโดยเฉพาะที่ภาคกลาง ปลาทูเป็นเนื้อปลาที่อร่อยถูกปากอยู่แล้ว เมื่อนำปลาทูมาทอดหรือย่างจนหอมฉุย แกะเนื้อใส่ลงโขลกในน้ำพริก ก็จะได้น้ำพริกปลาทูที่แสนอร่อย เมื่อนึกถึงรสชาติเมื่อไร ก็อยากจะรับประทานขึ้นมาทันที มีครบทุกรส เผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็ม ไม่ว่าจะทานเล่นหรือนำมาคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ หรือทานกับปลาทูทอดตัวโตๆ หรือไข่ต้ม ไข่เจียว หรือผักสดผักลวก หรือกับอาหารอื่นๆ ก็เจริญอาหารและอร่อยแซ่บเวอร์ยิ่งนัก ทานเมื่อใดก็อร่อยติดอกติดใจกันทั้งบ้าน
ส่วนผสมน้ำพริกปลาทู
เครื่องเคียง:
ทานกับผักสด : ยอดมะกอก, มะเขือเปราะ, แตงกวา, ถั่วพูฟักอ่อน, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ผักชีล้อม, ขมิ้นขาว, ยอดแค, มะเขือพวง ฯลฯ
(แต่ผักบางอย่างไม่ควรทานดิบ ๆ อาทิ กระหล่ำปลี ผักกาดขาว เราก็ต้องลวก นึ่ง หรือต้มให้สุกก่อนครับ)
ผักลวก : ข้าวโพดอ่อน, ยอดฝักแม้วลวก, มะเขืออ่อนลวก, ผักบุ้งลวก, ดอกแคลวก ฯลฯ
วิธีทำ
1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ดังนี้
3. แล้วนำทั้งหมดไปเทใส่ครก (คือพริก กระเทียม หอม และตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้) โขลกให้เข้ากันให้แหลกละเอียดตามต้องการ (จะโขลกเอาหยาบๆหน่อยหรือแหลกละเอียด ก็ตามชอบเลยครับ)
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา (น้ำปลาร้าต้มสุก) น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย
5. แล้วปรับความข้นตามชอบด้วยน้ำต้มสุก แล้วคนให้เข้ากันดี…ชิมรส (ตามชอบ)
แนะนำเพิ่มเติม
- เนื้อปลาทูตัวเล็กย่างหรือทอด (แกะเอาเฉพาะเนื้อเท่านั้น) 1 ตัว
- พริกขี้หนู 10 เม็ด
- กระเทียมไทย (กลีบเล็กหรือกลีบใหญ่ได้ทั้งนั้น) ลอกเปลือก 10 กลีบ
- หอมหัวแดง ลอกเปลือก 5- 6 หัว
- น้ำปลา 1- 2 ช้อนโต๊ะ
- (ถ้ามีน้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ใส่น้ำปลาร้าข้น 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ)
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
- น้ำต้มสุก 2- 4 ช้อนโต๊ะ
เครื่องเคียง:
ทานกับผักสด : ยอดมะกอก, มะเขือเปราะ, แตงกวา, ถั่วพูฟักอ่อน, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, ผักชีล้อม, ขมิ้นขาว, ยอดแค, มะเขือพวง ฯลฯ
(แต่ผักบางอย่างไม่ควรทานดิบ ๆ อาทิ กระหล่ำปลี ผักกาดขาว เราก็ต้องลวก นึ่ง หรือต้มให้สุกก่อนครับ)
ผักลวก : ข้าวโพดอ่อน, ยอดฝักแม้วลวก, มะเขืออ่อนลวก, ผักบุ้งลวก, ดอกแคลวก ฯลฯ
วิธีทำ
1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ดังนี้
- นำปลาทูมาทอด (ใช้น้ำมันน้อยๆก็พอ) ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อปลา
- พริกขี้หนูนำไปล้างน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ (เม็ดนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น)
- นำกระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วลอกเปลืกแข็งทิ้งไป แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง (กลีบนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่วจะไหม้ง่าย)
- หอมหัวแดง เลือกหัวที่ไม่เน่า ไม่ฝ่อ ไม่มีราขึ้น แล้วลอกเปลือก นำไปล้างน้ำสักครั้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง
- ถ้าใส่น้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ตักเอาเฉพาะน้ำปลาร้าข้นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ.... แล้วผสมกับน้ำต้มสุกอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำไปต้มให้เดือด แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น
3. แล้วนำทั้งหมดไปเทใส่ครก (คือพริก กระเทียม หอม และตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้) โขลกให้เข้ากันให้แหลกละเอียดตามต้องการ (จะโขลกเอาหยาบๆหน่อยหรือแหลกละเอียด ก็ตามชอบเลยครับ)
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา (น้ำปลาร้าต้มสุก) น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย
5. แล้วปรับความข้นตามชอบด้วยน้ำต้มสุก แล้วคนให้เข้ากันดี…ชิมรส (ตามชอบ)
6. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กินกับผักต้ม และผักดิบได้
- ถ้าเป็นน้ำพริกปลาทูแบบดั้งเดิมนั้น เขาจะนำเครื่องทุกอย่างทั้งปลาทู พริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม มาย่างบนเตาถ่านจนกระทั่งสุก เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอร่อย แต่ครัวสมัยใหม่นิยมใช้เป็นเตาแก็สเพราะสะดวกกว่า ดังนั้นเราอาจจะเปลี่ยนมาคั่วพริกขี้หนู หอมแดง และกระเทียม ในกระทะด้วยไฟอ่อนๆก็ได้ครับ ส่วนปลาทูก็ทอดให้สุกด้วยน้ำมันน้อยๆ ก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาและประหยัดถ่านไปได้เยอะ…(แต่แบบคั่วจะหอมน้อยกว่า แบบเผานิดนึงนะครับ) และนิยมใส่เป็นน้ำปลาร้าลงไปด้วย น้ำพริกปลาทูที่ได้จะหอมมากๆ และอร่อยมากๆด้วย
- น้ำพริกปลาทู หรือน้ำพริกไทยๆ ทุกชนิด ควรเลือกใช้กระเทียมไทยในการทำ เพราะจะมีกลิ่นหอมอร่อยกว่ากระเทียมชนิดอื่น ส่วนกระเทียมจะกลีบเล็กหรือใหญ่ใช้ได้ทั้งนั้นครับ
- ถ้ารับประทานน้ำพริกไม่หมดให้อุ่นบนเตาให้ใช้ไฟอ่อนๆ จะสามารถเก็บไว้รับประทานต่อได้อีกหลายวัน
- อย่าทำให้รสจัดมากเกินไป เช่น เค็มจัด เปรี้ยวจัดหรือเผ็ดจัดเกินไป เพราะว่าไม่เป็นผลดีต่อระบบลำไส้หรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ รสเค็มจัดก็จะมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต ดังนั้นคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็ควรที่จะระวังในเรื่องนี้ด้วย