Home »
Uncategories »
เคล็ดลับง่ายๆ “คราบดำขอบรองเท้า” แค่เช็ดเบาๆไม่ง้อน้ำ เหมือนได้คู่ใหม่
เคล็ดลับง่ายๆ “คราบดำขอบรองเท้า” แค่เช็ดเบาๆไม่ง้อน้ำ เหมือนได้คู่ใหม่
เคล็ดลับง่ายๆ “คราบดำขอบรองเท้า” แค่เช็ดเบาๆไม่ง้อน้ำ เหมือนได้คู่ใหม่
หากพูดถึงในเรื่องของการทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบ
ยิ่งเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวแล้วล่ะก็ คงจะเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายๆคน
เพราะรองเท้าสีขาวที่เราสวมใส่นั้นมักจะเลอะง่าย โดนโคลน โดนน้ำต่างๆ
ทำให้สกปรกและเป็นคราบอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งหากเราได้รู้ถึงวิธีขจัดคราบดำที่ขอบรองเท้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ
และด้วยวิธีง่ายๆ ที่เราจะนำมาบอกต่อนี้
ก็สามารถกำจัดคราบดำออกจากขอบรองเท้าได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้น้ำสักหยดเดียว
ไม่ทำให้เป็นคราบ ไม่ทำให้เหลือง ไม่ทำให้รองเท้าแข็ง
ต่อให้ใส่เดินลุยฝนจนมีคราบสกปรกมากมาย ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
รองเท้าผ้าใบสีขาว เมื่อใช้งานนานไป หรือต้องไปลุยกับดินโคลน
ก็มักจะทำให้เกิดคราบรอยดำไม่น่ามองที่ขอบรองเท้าแบบนี้
แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้เคล็ดลับดีๆ ขจัดคราบเปลี่ยนขอบดำให้ขาวสะอาด
โดยไม่ต้องใช้น้ำ เหมือนคู่ใหม่เลยทีเดียว
นำรองเท้าผ้าใบมาปัดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกก่อน จากนั้นให้เท “น้ำส้มสายชู”
ไว้ในถ้วย ใส่ทิชชู่แบบหนาลงไปชุบให้เปียกชุ่ม
หรือจะใช้กระดาษสีขาวแทนทิชชู่ก็ได้
จากนั้น ให้นำทิชชู่ที่ชุบกับน้ำส้มสายชูมาพันไว้ตามขอบรองเท้า
พันทิชชู่ให้หนาประมาณ 2-3 ชั้น จนแน่ใจว่าทิชชู่เกาะยึดกับขอบของรองเท้าดี
พักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
หลังจากสิบนาทีผ่านไปจะเห็นได้ว่า คราบดำบนขอบของรองเท้าจางลง
และหลุดออกมากับทิชชู่บางส่วน ให้บีบยาสีฟันลงบนแผ่นใยขัดสก็อตไบร์ท
แล้วใช้เช็ดตามขอบของรองเท้าให้ทั่ว จะสังเกตเห็นว่า
คราบดำอมเหลืองบนขอบรองเท้านุ่มลง และหลุดออกไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
แทบไม่ต้องออกแรงขัดเลย
ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากว่า น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ
ที่สามารถทำให้คราบดำนุ่มลง หลุดออกได้ง่าย
ส่วนยาสีฟันก็สามารถทำให้ขอบรองเท้าขาวขึ้น ดูสะอาดยิ่งขึ้น
โดยแทบไม่ต้องใช้น้ำสักหยดเลยด้วยซ้ำ
จากขอบรองเท้าที่เปื้อนดิน โคลน ทราย ดำหมองยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
ก็จะกลับมาขาวสะอาดเนี้ยบเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ๆ ได้เลยทีเดียว
ประหยัดเงินซื้อรองเท้าคู่ใหม่ได้อีกด้วย
ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ หากบ้านใครที่มีผ้าใบสีขาวเยอะๆ
หรือจะเป็นสีอื่นก็ได้ สามารถนำวิธีนี้ไปทดลองใช้กันดูได้นะคะ
รับรองว่าได้ผลดี รองเท้าของคุณจะกลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : readthis , LIEKR