ขออโหสิกรรมในทุกวัน ถ้าทำได้ชีวิตดี รุ่งเรือง

ขออโหสิกรรมในทุกวัน ถ้าทำได้ชีวิตดี รุ่งเรือง

การขออโหสิกรรมไม่ใช่การแก้กรรม ล้างกรรมอะไรทั้งสิ้น

กรรมนั้นแก้ไม่ได้ ไม่มีอำนาจใดแก้กรรมใด!!!

การขอขมา ขออโหสิกรรมเป็นการเริ่มต้นที่จิตเราต้องสำนึกผิดจริงๆ ในสิ่งที่ทำกับผู้อื่น สรรพสัตว์ทั้งหลาย

เรารู้แล้วว่า เป็นเรื่องไม่ดี เป็นบาปเป็นเรื่องไปเบียดเบียนเขา ไม่ว่ากาย วาจา ใจหรือทรัพย์ทั้งหลาย

เราอยากให้เขายกโทษให้ ให้เขาให้อภัยเราปลดปล่อยเราจากแรงจองเวร ปลดปล่อยเราจากความทุกข์ทั้งกายและใจที่เราได้รับ

แต่เราแค่เอ่ยปาก หรือตั้งใจขออโหสิกรรมอย่างเดียวคงไม่พอ กับเจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต หรือในภพก่อน ภพนี้ที่จองเวรเราโดยเราไม่รู้ตัว

เจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิต หากเราไปเอาอะไรเขามาเราใช้คืนเขาเท่ากับที่เขาสูญเสีย หรือมากกว่าเขาก็อาจจะพอใจยกโทษให้

แต่เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาณสิ่งที่เขาต้องการคือ การสำนึกผิดและบุญที่เราอุทิศให้

ย้ำอีกครั้ง!!!สิ่งที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการมากที่สุดมี 2 เรื่องสำคัญ

คือ การชดใช้ในสิ่งที่เราทำสอง คือ การสำนึกผิดกลับตัวกลับใจเสียใหม่หันจากความมืด มาสู่สว่างจากคนดิบมาเป็นคนสุขหรือสุก

จากไม่ดีมาเป็นดี แม้จะยาก แต่ถ้าเราตั้งใจไม่ย่อท้อละบาปให้มากที่สุด ทำกรรมดีมากขึ้นๆ และทุกครั้งอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร

ด้วยแรงแห่งบุญ แรงแห่งเจตนาดีจะค่อยๆ พลิกฟื้นชีวิตอีกครั้ง

แม้เราจะเพียรขออโหสิกรรมมากเท่าไหร่ก็ตามแต่เจ้ากรรมนายเวรจะให้อโหสิกรรมหรือไม่อยู่ที่ใจเขาทั้งสิ้น

สำหรับในวันพระใหญ่ ทำไมถึงเชื่อกันว่ามีการขออโหสิกรรมแล้วไ้ด้ผลดี เร็วกว่า

เหตุเพราะวันพระใหญ่ เป็นวันมหาบุญกุศลเชื่อกันว่า ทุกภพภูมิเปิดเห็นกันเป็นวันที่หยุดการลงโทษ ในนรกภูมิด้วย

เพื่อเปิดโอกาสให้ได้เข้าถึงบุญที่มีการอุทิศบุญและธรรมทั้งหลาย

เป็นช่วงเวลาที่จิตของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย กำลังสู่ธรรมมีจิตเปิดที่เข้าใจหลักกฏแห่งกรรม

จึงทำให้รับการขอขมา ขออโหสิกรรมได้ง่าย

ขอแนะนำด้วยความปรารถนาดีการขออโหสิกรรมและให้อโหสิกรรมควรทำพร้อมกันควรทำทุกวัน

ทุกครั้งที่มีการสร้างบุญไม่ว่าจะบุญเล็ก บุญน้อยอย่างน้อยจิตของเราก็แจ่มใสเป็นผู้ให้ด้วย

ชีวิตของผู้ให้ ผุ้เข้าใจย่อมดีงามเจริญรุ่งเรือง…