Home »
Uncategories »
พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม”กระเป๋านักเรียน ใบหนัก” ทำให้ปวดหลัง คอ ไหล่ เสี่ยงเตี้ยระยะยาว
พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม”กระเป๋านักเรียน ใบหนัก” ทำให้ปวดหลัง คอ ไหล่ เสี่ยงเตี้ยระยะยาว
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้”อุ้ยนิวส์”มีความจริงมานำเสนอกันอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับสุขภาพของลูกหลานของเราเลยล่ะ
เคยสังเกตไหม? เวลาลูกหลานของเราไปโรงเรียน บางวันกระเป๋านักเรียนที่สะพายไปเรียนนั้นใบใหญ่และหนัก เต้มไปด้วยตำราเรียน!
“อ้าวแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ลูกหลานเราตั้งใจเรียนแบกตำราเต็มกระเป๋าไปเรียนทุกวัน”
ขอบอกตรงนี้เลยว่า ท่านกำลังคิดผิด!!
เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่าทำไมการแบกหนังสือของเด็กๆที่หนักมากเกินไป
ถึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
“กระเป๋านักเรียน ใบหนัก” ทำให้ปวดหลัง คอ ไหล่ เสี่ยงเตี้ยระยะยาว
ภาพของเด็ก ๆ ที่สะพายกระเป๋าจนหลังโก่ง
เป็นภาพชินตาที่ไม่มีใครเข้ามาแก้ปัญหาจริงจังเสียที
ถึงแม้จะมีข้อมูลจากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคก่อนหน้านี้ ระบุว่า
เด็กในระดับชั้น ป.1 ป.2 และ ป.3 ไม่ควรแบกกระเป๋านักเรียนหนักเกินร้อยละ
10 ของน้ำหนักตัว แต่ประมาณ 80
เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษายังใช้กระเป๋าหนักเกินร้อยละ 20
ของน้ำหนักตัว ซึ่งถือว่าวิกฤติมาก
นับเป็นอันตรายที่พ่อแม่จะนิ่งนอนใจไม่ได้อีกต่อไป โดย ทีมงาน Life
& Family ได้สอบถามไปยัง นพ.สาริจฉ์ ศรีสุภาพ
ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
พบว่า การสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก ๆ
ส่งผลกระทบต่อหมอนรองกระดูกสันหลังของเด็กจริง หากต้องสะพายกระเป๋าหนัก ๆ
ไปโรงเรียนทุกวัน อาจมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก
และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามมาได้
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการปวดหลังเรื้อรัง และส่งผลต่อรูปร่างของกระดูกสันหลังในอนาคตอีกด้วย
โดยมีการศึกษาชัดเจนพบว่า หากมีอาการปวดหลังตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ โตขึ้นไป
อาการปวดหลังจะเกิดเรื้อรังได้ โดยในต่างประเทศนั้น คนที่ปวดหลังเรื้อรัง
เช่น ในวันแรงงานก็มีปัญหามาตั้งแต่วัยเด็ก และวัยรุ่น
ยิ่งถ้าแบกกระเป๋าที่หนักมากกว่า 20
เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวจะเห็นได้เลยว่าลักษณะของกระดูกสันหลัง
หมอนรองกระดูก ความโค้งงอของกระดูกสันหลังจะผิดปกติไป
ไม่เพียงแต่จะส่งผลโดยตรงต่อร่างกายเท่านั้น
ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กด้วย ถึงแม้จะไม่มาก
แต่ก็คุณหมอท่านนี้บอกว่า การที่เด็กสะพายกระเป๋านักเรียนหนัก ๆ เป็นประจำ
กล้ามเนื้อทั้งไหล่ ทั้งเอวจะเมื่อยล้า
เป็นไปได้ที่สมาธิในการเรียนรู้ของเด็กจะลดลง
“ก็เหมือนผู้ใหญ่นั่นแหละ หากต้องแบก หรือยกอะไรหนัก ๆ
ก็ต้องเมื่อยล้าเป็นธรรมดา แต่สำหรับเด็กผมคิดว่ากระเป๋ามันหนักเกินไปนะ
ต้องมีใครเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะโรงเรียนที่ควรเข้ามามีส่วนช่วยเด็ก โดยหาตู้
หรือโต๊ะเพื่อไว้เก็บสัมภาระ หรือหนังสือ รวมถึงสอนเด็กจัดตารางสอนให้พอดี
และถือของเท่าที่จำเป็นไปโรงเรียน ซึ่งพ่อแม่
และโรงเรียนต้องให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ด้วยครับ”
ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังและข้อเผย
อันตรายใน กระเป๋านักเรียนใบหนัก ของลูก!
ขอบคุณภาพประกอบจากรพ.มนารมย์
ด้านแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้
ทางศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก
คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มีข้อเสนอแนะไว้เป็นทางเลือกว่า
– เลือกใช้กระเป๋ามีล้อเข็น ช่วยลดความเสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อ
ลดน้ำหนักกดทับกระดูกสันหลัง
อย่างไรก็ตามเด็กนักเรียนก็ยังคงต้องแบกหิ้วกระเป๋าล้อเข็นขึ้นลงรถโดยสาร
หรือบันไดอยู่ดี ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มได้ง่าย
พ่อแม่ควรพิจารณาน้ำหนักโดยรวมทั้งหมดต้องไม่ควรเกิน 20 % ของน้ำหนักตัว
เช่น เด็กน้ำหนักประมาณ 20 ก.ก. น้ำหนักกระเป๋าไม่ควรเกิน 4 ก.ก.
– การใช้กระเป๋าแบกหลังต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับเด็ก
มีช่องว่างใส่ของเพียงพอ
และจัดวางอย่างเหมาะสมโดยให้น้ำหนักกระจายไปทั่วกระเป๋า
สายสะพายไหล่ควรมีความกว้างกว่า 6 ซ.ม. สายที่เล็กจะทำให้กดทับบริเวณไหล่
ซึ่งอาจกดลึกจนมีผลต่อกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทได้
– การใช้กระเป๋าสะพายหลัง ต้องปรับสายสะพายเพื่อให้กระเป๋าแนบหลัง
ไม่ห้อยต่ำ ก้นกระเป๋าต้องไม่อยู่ต่ำแหน่งที่ต่ำกว่าบั้นเอว
และผู้ใช้ต้องเดินตัวตรง ไม่เอนตัวไปข้างหน้า
–
การแบกกระเป๋าต้องใช้สายสะพายไหล่ทั้งสองข้างเพื่อให้น้ำหนักกระจายตัวอย่างสมดุล
การสะพายไหล่ข้างเดียวจะมีความเสี่ยงสูงต่อการปวดต้นคอ ไหล่ และหลังได้
เพราะน้ำหนักถ่วงไม่สมดุลย์นั่นเอง
ถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่ทั้งหลาย
ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมเสียที เพราะไม่เช่นนั้น
เด็กในวันนี้อาจมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพตามมาในอนาคตได้ นั่นหมายความว่า
คุณภาพในการใช้ชีวิตของเด็กอาจด้อยลงตามไปด้วย
เกือบ 4 กิโลกรัม หลายคนอาจจะบอก ก็ 4 กิโลกรัมเอง
แต่ถ้าเอามาเทียบน้ำหนักตัว ผมว่าเยอะนะครับ(มีวันอื่น
ที่กระเป๋าหนักกว่านี้ มากสุดก็เกือบ 5 กิโลกรัม)
ลูกผมหนัก 24 กิโลกรัม แปลว่า ลูกต้องแบกน้ำหนักเพิ่มถึง 1/6 ของน้ำหนักตัว(16.67%) ผมว่ามันมากเกินไปนะครับ
อย่างผมหนัก 80 กิโลกรัม ถ้าแบก 1/6 ของน้ำหนักตัว ก็ 13.33 กิโลกรัมเลยนะครับ แค่คิด ก็ไม่อยากแบกแล้ว
เคยคุยกับหมอ อาจจะมีปัญหาเรื่องกระดูกและข้อต่อได้
ทำให้เด็กเดินตัวเอียง ห่อไหล่ ทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าไม่เท่ากัน
ส่งผลให้เด็ก ปวดคอ ไหล่ หลัง และกระดูกโค้งเปลี่ยนรูปได้
ลองไปหาข้อมูลว่ามาตรฐานน้ำหนักกระเป๋านักเรียนควรอยู่ที่เท่าไหร่
ต่างประเทศ กำหนด น้ำหนักกระเป๋านักเรียน ร้อยละ 10-20 ของน้ำหนักตัว แต่คนไทยตัวเล็ก กำหนดที่ไม่ควรเกินร้อยละ 15 ของน้ำหนักตัว
เด็กอายุ 7 ปี น้ำหนักมาตรฐาน ประมาณ 22.5 กิโลกรัม ดังนั้น กระเป็านักเรียนไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 3.375 กิโลกรัม
ทางแก้ ถ้าไม่สามารถลดน้ำหนักสิ่งที่พกไปได้
ก็อาจจะมีล้อลากที่กระเป๋าครับ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้หยุดพักบ้าง
จัดกระเป๋าให้น้ำหนักไม่มากไปข้างใดข้างนึง ต้องใส่สะพายกระเป๋าทั้งสองข้าง
โดย1สาย/ไหล่
แล้วดูยังไงว่าเด็กผิดปกติไหม ก็ให้เด็กถอดเสื้อ ถอดรองเท้า ให้ยืน
แล้วสังเกตุว่า ไหล่ สะโพก ทั้งสองข้างอยู่ในระดับเดียวกันไหม
ดูแนวกระดูสันหลังว่าตคดงอไหม ถ้าผิดปกติ ก็ต้องไปพบแพทย์ครับ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 3 พ.ค. นพ.พนมกร ดิษฐสุวรรณ์
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ (ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ) กล่าวให้ข้อมูลว่า
ถ้าสะพายกระเป๋าเป้ที่มีน้ำหนัก 20% ของน้ำหนักตัวเด็ก จะมีโอกาสเกิดอาการ
ปวดคอ ปวดหลัง กระดูกสันหลังคด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
และยังทำให้การทำงานของปอดลดลงอีกด้วย
สำหรับคำแนะนำการซื้อกระเป๋าเป้สะพายหลังมีดังนี้ กระเป๋าต้องน้ำหนักเบา
ความกว้างกระเป๋าต้องไม่กว้างกว่าไหล่
และความสูงของกระเป๋าเมื่อเด็กนั่งลง ต้องไม่สูงเกินไหล่
ขณะที่สายสะพายไหล่ควรหุ้มเบาะทั้ง 2 เส้น และควรมีความกว้างกว่า 6 ซม.
เพื่อกระจายแรงที่กดลงบนไหล่ ที่สำคัญควรคล้องสายสะพายไหล่ทั้ง 2 เส้น
อย่าสะพายหรือแบกข้างเดียว และปรับสายสะพายให้กระชับพอดี
เพื่อให้กระเป๋าแนบหลังและก้นกระเป๋าอยู่สูงกว่าเอว
ถ้ามีสายรัดบริเวณเอวก็ควรใช้ด้วย จะช่วยให้กระเป๋ากระชับกับแผ่นหลัง
ไม่แกว่งไปมาขณะเดินหรือวิ่ง
หรือเพื่อนๆ มีความคิดเห็นเรื่องกระเป๋านักเรียนว่าควรทำอย่างไรดีครับ
อย่างไรก็ตาม น้ำหนักกระเป๋าไม่ควรเกิน 10-15% ของน้ำหนักตัว
หรือหากเด็กสะพายกระเป๋า แล้วเดินโน้มตัวมาข้างหน้า
แสดงว่าน้ำหนักกระเป๋ามากเกินไป จึงควรจัดสิ่งของที่มีน้ำหนักมากที่สุด
ให้อยู่ชิดบริเวณกลางหลังมากที่สุด และจัดวางให้น้ำหนักกระจายทั่วกระเป๋า
ทั้งนี้ภัยใกล้ตัวที่คุณพ่อ-คุณแม่มองข้าม และมักไม่ค่อยสนใจกันเท่าไหร่
กลายเป็นเรื่องเคยชินจนเป็นปัญหาสุขภาพ เพราะหลังเล็กๆ ของเด็กก็มีความหมาย
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
เรียบเรียงโดย