ขี้เกียจตื่นเช้า เหนื่่อยง่าย อยากนอนกลางวัน คือสัญญาณอันตราย!

ขี้เกียจตื่นเช้า เหนื่่อยง่าย อยากนอนกลางวัน คือสัญญาณอันตราย! เสี่ยง “ภาวะหมวกไตล้า”


13 สัญญาณ ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
เช่น ขี้เกียจตื่นเช้า ง่วงตอนกลางวัน
ชอบขนมหวานอาจบ่งบอกว่า
คุณอาจกำลังเป็น “ภาวะหมวกไตล้า”
มาตรวจสอบตัวเองกันค่ะ
ว่าคุณกำลังมีอาการเช่นนี้อยู่หรือไม่
แล้วคุณจะพบว่า ภาวะหมวกไตล้า
อยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิดค่ะ
.
13 สัญญาณ ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เสี่ยง “ภาวะหมวกไตล้า”
ลองตรวจเช็คตัวคุณว่า
มีอาการเช่นนี้บ่อยครั้งหรือไม่
หากมีอาการเช่นนี้
นี่อาจเป้นสัญญาณบ่งบอกว่า
– คุณกำลังเป็นภาวะหมวกไตล้า
– ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
– เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อยากนอนตอนกลางวัน
– ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
– ชอบทานของหวาน น้ำตาล
– อาการดีขึ้นเมื่อกินของหวาน
– ติดกาแฟ
– ชอบกินเค็ม
– หน้ามืดวิงเวียน เวลาลุกนั่งเปลี่ยนท่า
– ผิวแห้ง หมองคล้ำ
– อารมณ์แปรปรวนง่าย
– โรคภูมิแพ้ ผื่นแพ้ง่าย
– เป็นหวัดบ่อย
– น้ำหนักขึ้นง่าย



วิธีการรักษาภาวะหมวกไตล้า
.

ขจัดความเครียด

ความเครียด เป็นตัวการสำคัญ
ที่ทำให้เกิดภาวะหมวกไตล้า
การรักษาภาวะหมวกไตล้า
จึงต้องเริ่มต้นจากการรักษาที่ต้นเหตุ
นั่นคือ กำจัดความเครียดให้หมดไป

ตรวจหาภูมิแพ้อาหาร

เชื่อหรือไม่ว่า “ภูมิแพ้อาหาร” นั้น
สามารถส่งผลกระทบ
ต่อสุขภาพของคุณได้มากมาย
ไม่ใช่เพียงแค่อาการแพ้เกิดผดผื่น
อาการบวม แดง คัน อย่างที่
เราเห็นกันบ่อยครั้งเพียงเท่านั้น

นอนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง

การนอนคือการพักผ่อนให้ดีที่สุด
อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงนะคะ

ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม

ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อ
ให้ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

นอนราบระหว่างวัน เมื่อรู้สึกเพลีย

เมื่อรู้สึกเพลีย อย่าฝืนตัวเอง
เพราะต่อให้ฝืนตัวเองต่อไป
ก็ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แถมยังทำให้
คุณไม่สามารถเรียนหรือทำงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย
ควรนอนราบเป็นการพักผ่อน

ออกกำลังกายแบบไม่แข่งขันเพื่อความเพลิดเพลิน

การออกกำลังกายที่ต้องแข่งขัน
อาจทำให้ผู้ออกกำลังกาย
เกิดอาการเครียดได้
เนื่องจากเราต้องการลดความเครียด
จึงควรเลือกการออกกำลังกายที่สนุกสนาน
มีความสุข ผ่อนคลาย
ไม่แข่งขัน ไม่เกิดความเครียด

รับประทานอาหารเช้าก่อน 10 โมง

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรเลือกอาหารที่สด สะอาด
เลือกอาหารประเภทไขมันดี
และคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใย

ควรแบ่งเป็นมื้อย่อย 5-7 มื้อต่อวัน

บางคนรู้สึกหิวเป็นระยะตลอดทั้งวัน
หากปล่อยให้รู้สึกหิวจนแสบท้อง
หรือปวดศีรษะก็จะไม่ดีต่อสุขภาพ
จึงควรแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ
ประมาณ 5-7 มื้อต่อวัน
เพื่อควบคุมความหิว
และเพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารที่ดี
เพียงพอต่อร่างกายอยู่เสมอ

สารเสริมอาหารบางชนิด

สำหรับคนที่รับประทานอาหารแล้ว
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
กับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ
หรือมีภาวะที่ขาดสารอาหารบางชนิด
อาจต้องรับประทานอาหารเสริม
เพิ่มเติมตามที่แพทย์สั่ง

ปรึกษาแพทย์

หากคุณมีอาการรุนแรง เรื้อรัง
หรือ ต้องการรับการตรวจ
วินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อความแน่ใจ
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี
และ เหมาะสำหรับตัวคุณมากที่สุด


ขอขอบคุณข้อมูลจาก พญ. กานต์พิชชา พตั่งฮวดพาเจริญ แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลนครธน
ขอบคุณแหล่งที่มาGOODLIFE