Home »
Uncategories »
สูตรเด็ดลาขาด “ตาปลา” ถาวร ถอนรากถอนโคน พร้อมวิธีป้องกัน ไม่ให้กลับมาเป็นอีก
สูตรเด็ดลาขาด “ตาปลา” ถาวร ถอนรากถอนโคน พร้อมวิธีป้องกัน ไม่ให้กลับมาเป็นอีก
ถ้าพูดถึงตาปลา ใครไม่เคยเป็นคงไม่รู้หรอกว่าทรมานแค่ไหน
แบบนี้ต้องรีบหาวิธีรักษาตาปลาเสียแล้ว ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นตาปลา
ก็น่าจะรู้ข้อมูลไว้บ้าง
จะได้ช่วยป้องกันไม่ให้ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดตาปลา
“ตาปลา”
ก็คือก้อนของหนังขี้ไคลซึ่งเกิดจากการเสียดสีของผิวหนังเรื้อรังเป็นเวลานานนั่นเอง
เราจึงพบตาปลาเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ที่บริเวณฝ่าเท้า
เพราะเป็นส่วนที่แบกรับน้ำหนักตัวของเราตลอดเวลา ในผู้ป่วยเบาหวาน
ถ้าเป็นแล้วไม่รักษาให้ดี อาจเกิดการอักเสบรุนแรงได้
ทั้งนี้ ตาปลามีด้วยกัน 2 ชนิด คือ “ตาปลาชนิดขอบแข็ง” มักขึ้นตามข้อพับ
ส้นเท้า ฝ่าเท้า บริเวณที่ถูกกระแทก หรือเสียดสีบ่อย ๆ กับ
“ตาปลาชนิดอ่อน” มักขึ้นตามง่ามนิ้วเท้า
พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า “ตาปลา”
ก็คือก้อนของหนังขี้ไคลซึ่งเกิดจากการเสียดสีของผิวหนังเรื้อรังเป็นเวลานานนั่นเอง
เราจึงพบตาปลาเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ที่บริเวณฝ่าเท้า
เพราะเป็นส่วนที่แบกรับน้ำหนักตัวของเราตลอดเวลา
ทั้งนี้ ตาปลามีด้วยกัน 2 ชนิด คือ “ตาปลาชนิดขอบแข็ง” มักขึ้นตามข้อพับ
ส้นเท้า ฝ่าเท้า บริเวณที่ถูกกระแทก หรือเสียดสีบ่อย ๆ กับ
“ตาปลาชนิดอ่อน” มักขึ้นตามง่ามนิ้วเท้า
สาเหตุของตาปลา
ตาปลาเกิดจากการที่ผิวหนังถูกเสียดสีหรือถูกกดทับบ่อย ๆ และเป็นเวลานาน
ซึ่งอาจเกิดได้จากการกระทำของตัวเองหรือเกิดจากความผิดปกติของร่างกายก็ได้
อาการของตาปลา
ถ้าเป็นตาปลาขึ้นมาล่ะก็สิ่งแรกที่เราจะรู้สึกได้ก็คือความเจ็บปวดนี่แหละ
เห็นตุ่มแข็ง ๆ เม็ดเล็กนิดเดียว ก็ทำให้เจ็บจี๊ดได้เลยนะ
โดยเฉพาะถ้าตาปลามีขนาดใหญ่
แล้วเราต้องไปทำกิจกรรมที่ต้องใช้ฝ่าเท้ารับน้ำหนักมาก เช่น วิ่ง เดินนาน ๆ
ยืนนาน ๆ หรือคนที่เป็นตาปลามีน้ำหนักมาก ก็ยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้น
เพราะก้อนแข็ง ๆ นี้จะยิ่งถูกกดให้ลึกเข้าไปในผิวหนัง
บางทีไปกดทับกระดูกหรือเส้นประสาทเข้าอีก แบบนี้ต้องรีบหาวิธีรักษาเลย
วิธีรักษาตาปลาที่เท้า
การรักษาตาปลาให้ได้ผลนั้นมีอยู่หลายวิธีที่ขอนำเสนอก็คือ
1. ใช้พลาสเตอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก 40% ปิดส่วนที่เป็นตาปลาทิ้งไว้ 2-3 วัน
จากนั้นค่อยแกะพลาสเตอร์ออก
แล้วแช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อให้ผิวหนังตรงฝ่าเท้านิ่มลง
จะช่วยทำให้ตาปลาหลุดลอกออกไปได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าตาปลาหลุดลอกออกไปยังไม่หมด
ก็ให้แปะพลาสเตอร์ซ้ำ แล้วกลับมาแช่น้ำอุ่นอีกครั้ง
2. ใช้ยาแอสไพริน (แต่ไม่ได้ให้ทานนะ)
โดยในแอสไพรินก็มีกรดซาลิไซลิกเช่นกัน ก็ช่วยกัดตาปลาได้
(แต่คุณต้องมั่นใจด้วยว่าตัวเองไม่แพ้ยาแอสไพริน) วิธีใช้ก็คือ นำแอสไพริน 5
เม็ดมาบดเป็นผง แล้วผสมกับน้ำมะนาว 12 ช้อนชา และน้ำเปล่าอีก 12 ช้อนชา
จากนั้นนำมาป้ายตรงตาปลา แล้วใช้พลาสติกมาห่อไว้
ตบท้ายด้วยการพันผ้าขนหนูอุ่น ๆ ทับอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วถอดออก
แล้วใช้หินมาขัดเบา ๆ จะช่วยให้ตาปลาลอกออกมา
3. ทายากัดตาปลาหรือหูด วันละ 1-2 ครั้ง หรือจนกว่าตาปลาจะหลุดออกไปหมด
โดยมีคำแนะนำคือ ก่อนทายาให้แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนสัก 15-20 นาที
เพื่อให้ผิวหนังนิ่มขึ้น แล้วใช้ผ้าขนหนูมาถูตรงตาปลาเพื่อลอกขุยออก
จากนั้นอาจใช้วาสลินหรือน้ำมันมะกอกมาทาผิวรอบ ๆ ตาปลา
เพื่อที่ผิวบริเวณนั้นจะได้ไม่ถูกตัวยาไปกัดผิวหนัง
แล้วค่อยแต้มยาลงบนตาปลา
4. เปลือกสับปะรด
ให้นำเปลือกที่ไม่ใช้แล้วมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีกับตาปลา
แล้วแปะลงตรงตาปลาและปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้ 1 คืน
จากนั้นแกะออกล้างให้สะอาด และทาบริเวณตาปลาด้วยน้ำมันมะพร้าว
โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำจนกว่าจะหาย
5. กระเทียม ให้ฝานกระเทียมสดเป็นชิ้นหนา ๆ แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็นตาปลา
แล้วใช้กระเทียมส่วนที่เหลือนำมาสับใช้พอกตรงตาปลา
พันทับด้วยผ้าพันแผลหรือปลาสเตอร์ ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงค่อยแกะออก
โดยให้ทำซ้ำกันทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
6. น้ำมันละหุ่ง น้ำมันชนิดนี้เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์แรง
ในการใช้จึงต้องระมัดระวังให้มาก
โดยให้หาเทปพันแผลหรือปลาสเตอร์แบบที่เป็นรูตรงกลางมาปิดไว้รอบ ๆ
ให้เหลือแต่บริเวณที่เป็นตาปลา แล้วใช้น้ำมันละหุ่งหยอดและกดทับด้วยสำลี
แล้วปิดทับด้วยเทปพันแผลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันซึมออกมา
จากนั้นให้ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า
7. น้ำส้มสายชูกลั่น ให้นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำ 3 ส่วน
แล้วนำสำลีชุบน้ำส้มสายชูทาลงบนตาปลา ปิดทับด้วยผ้าพันแผลทิ้งไว้ 1 คืน
ในตอนเช้าให้แกะออกแล้วขัดด้วยหินขัดเท้าเบา ๆ
จากนั้นให้บำรุงด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว วิธีนี้ให้ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ
จนกว่าตาปลาจะหลุดออก แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำส้มสายชูเข้มข้นจนเกินไป
ส่วนใครที่เคยได้ยินคนแนะนำให้เอาธูปจี้ตาปลา
หรือใช้ของมีคมเฉือนตาปลาออก
ข้อเตือนไว้ตรงนี้เลยค่ะว่าเป็นวิธีที่อันตรายมาก
เพราะนอกจากอาจไม่ได้ช่วยให้ตาปลาหายแล้ว
ยังทำให้เกิดแผลอักเสบติดเชื้อตามมาเป็นของแถม แบบนี้ไม่ไหวแน่
การป้องกันตนเองจากโรคตาปลา
– หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง หรือหัวแหลม เนื่องจากจะเกิดการเสียดสีได้ง่าย
– ควรเลือกใส่รองเท้าให้พอดีไม่คับหรือหลวมเกินไป
– อาจหาแผ่นรองเท้ามารองในรองเท้า
– เลือกรองเท้าสวมใส่กับกิจกรรมที่เหมาะสม
– หากกระดูกเท้าของเรายื่นออกมามากกว่าปกติหรือผิดรูป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาให้ตรงจุด
– สำหรับคนอ้วนควรลดน้ำหนักเพื่อลดแรงกดทับลงมายังฝ่าเท้า
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.partiharn.com