ทำไมผมถึงอยากบอกคุณว่า ”อย่าพึ่งไปรีบลาออกจากงานประจำ”

สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ “อย่าพึ่งรีบลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนนะ” โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ จงอย่าพึ่งรีบร้อนเพราะการทำธุรกิจไม่ใช่ของง่าย โดยเฉพาะธุรกิจแบบ B2Bถ้าคุณยังไม่แกร่งพอ จงเรียนรู้และตักตวงประสบการณ์จากการเป็นมนุษย์เงินเดือนไปให้ได้มากที่สุดตามเคล็ดลับที่ผมแนะนำต่อไปนี้ เมื่อคุณเข้าใจถ่องแท้แล้ว จะไม่มีอะไรมาหยุดความคิดคุณได้

นี่คือประสบการณ์ที่ผมได้เรียนรู้จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ย่อยออกมาให้อ่านง่ายเพื่อเป็นทางลัด และลดเวลาในการเรียนรู้ให้เร็วขึ้น ติดตามกันต่อเลยครับ

1. การเป็นลูกจ้างโดยเฉพาะตำแหน่งเซลล์ตำราธุรกิจที่ดีที่สุดๆ
ไม่มีทฤษฎีธุรกิจเล่มไหนที่พิสูจน์ได้เต็มปาก นอกจากการลงมือทำการที่คุณทำอาชีพที่เกี่ยวกับงานขาย เงินๆ ทองๆ โดยเฉพาะเซลล์หรือการตลาด จะเป็นประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ภาพรวมของธุรกิจ คุณจะเห็นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ วิธีการขาย การหาลูกค้าใหม่ ดูแลลูกค้า การกระจายงาน ประสานงานร่วมกับทีม การสร้างคอนเน็กชั่น ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ

ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่เชื่อลองไปถามเจ้าของบริษัทคุณสิครับว่าเคยผ่านงานขายหรือเป็นลูกจ้างมาก่อนหรือไม่ ผมเชื่อว่าต้องมีไม่มากก็น้อย

2. ถ้าไม่มีต้นทุนชีวิตที่ดีมาก่อน ควรสร้างใหม่จากการเป็นลูกจ้าง
เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่คนเรามักชอบพูดกันว่า ลูกคนรวยนั้นต้นทุนทางสังคมดี มีคอนเน็กชัน ถึงยิ่งรวย ประสบความสำเร็จ ข่าวดีคือถึงแม้คุณจะจน บ้านไม่รวย ไม่มีคอนเน็กชั่นทางธุรกิจ แต่คุณก็สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียวด้วยการเป็นลูกจ้างครับ

เพราะถ้าคุณเป็นนักขาย คุณก็สามารถสร้างคอนเน็กชั่นได้ตั้งแต่เริ่มยกมือไหว้และแลกนามบัตรกับลูกค้าใหม่เรียบร้อยแล้วครับ ลูกค้าของคุณที่ทำนัดใหม่ทุกครั้งนี่แหละที่เรียกได้ว่าเป็น “คอนเน็กชั่น” สำหรับคุณ ถ้าคุณไม่เป็นลูกจ้างมาก่อน ถามหน่อยครับว่าคุณจะได้ทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใช้ได้จริง และขายของได้สำเร็จ โดยเฉพาะการทำธุรกิจแบบ B2B ไหมครับ?

3. สามารถเริ่มชิมลางในการทำธุรกิจง่ายๆ ด้วยการจับเสือมือเปล่า
สิ่งที่ผมจะบอกคือการทำธุรกิจง่ายๆ ในช่วงเริ่มต้นก็คือการรับ “เป็นนายหน้า” ให้กับธุรกิจอื่นๆ แบบ B2B หรือ B2C ที่คุณสนใจ และคุณสามารถขายได้ครับ อย่างเช่นนายหน้าธุรกิจการเงิน อสังหาฯ ซอฟท์แวร์ ไอที โฆษณา การตลาด ฯลฯ จงติดต่อ คุยเรื่องผลประโยชน์และทำสัญญาให้เรียบร้อย เลือกสิ่งที่ดีและง่าย สอดคล้องกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณ

เมื่อคุณทำยอดได้จากการเป็นนายหน้าแล้ว สิ่งที่คุณได้ต่อมาคือค่าตอบแทน ในเมื่อคุณไม่มีเจ้านายอีกต่อไปแล้ว “ตัวเลข” จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีอำนาจในการต่อรองผลประโยชน์กับพาร์ทเนอร์ ยิ่งคุณมีเจ้าสิ่งนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ผลประโยชน์กับคอนเน็กชั่นจะไหลมาเทมาหาคุณอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะครับ

4. เป็นลูกจ้างก็มั่งคั่งได้ด้วยการมี “เครดิต” ที่ดีดี
ถ้าคุณรู้ตัวว่าไม่ชอบทำธุรกิจ คุณสามารถเลือกเส้นทางในการเป็นนักลงทุนได้ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณมี Statement หรือฐานเงินเดือนที่ดี อยู่ในบริษัทที่มั่นคง คุณสามารถใช้เครดิตเหล่านี้กู้เงินจากธนาคารในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ซักชิ้นนึงได้ เพื่อปูทางไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจด้านอสังหาฯ และมั่งคั่งจากสินทรัพย์ที่สามารถปล่อยเช่าหรือขายเอากำไรต่อได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่งก่อนที่จะลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนนอกจากการทำธุรกิจ

5. นักธุรกิจชื่อดังล้วนผ่านการเป็น “มนุษย์เงินเดือน” มาก่อน
ถ้าคุณยังไม่เชื่อว่าตัวคุณจะทำได้มั้ย ผมรบกวนให้คุณลองอ่านประวัติสุดยอดนักธุรกิจของไทย บ้านไม่รวย นามสกุลไม่ดังจะดีมาก คุณจะได้เรียนรู้เลยว่าชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นกว่าจะประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ล้วนผ่าน “อาชีพนักขาย” มาก่อนทั้งนั้น เช่น คุณตัน อิชิตัน เจ้าของบริษัท J.I.B นักธุรกิจในรายการอายุน้อยร้อยล้าน หลายๆ ท่าน เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นต้น

6. ถ้าคุณโชคร้ าย ล้มเหลว คุณยังกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนได้
ก่อนที่คุณจะลาออกไปทำธุรกิจ ควรทำงานประจำให้ดี มีโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือ เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน คุณอาจจะพลาดก็เป็นได้ ซึ่งมันคงเป็นข่าวร้ายที่ไม่มีใครอยากได้ยิน ข่าวดีก็คือ คุณยังสามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ที่เคยผ่านงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ซมซานกับไปทำงานประจำได้เพื่อกลับไปรักษาแผลและสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่ คุณยังมีเครดิตและมีโอกาสให้แก้ตัวครับ

7. สร้างธุรกิจที่มีพื้นฐานจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนได้ง่ายๆ
เมื่อมีความพร้อมและต้องการเริ่มต้นการทำธุรกิจ (โดยเฉพาะแบบ B2B) ถ้าคุณเป็นนักขาย คุณสามารถร่วมทุนกับหุ้นส่วนที่มีความถนัดด้านอื่นมาเสริมตัวธุรกิจของคุณ เช่น คุณคุมงานขายและทีมขาย หุ้นคนที่ 1 คุมด้านผลิตภัณฑ์ หุ้นคนที่ 2 คุมด้านการเงิน เป็นต้น

ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานในรูปแบบบริษัทที่คุณมีประสบการณ์มาก่อน ทำให้การแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นไปได้อย่างชัดเจน มีการทำงานที่ละเอียดและเป็นมืออาชีพ สามารถใช้ระบบที่ดีจากบริษัทเก่ามาประยุกต์กับบริษัทของตนเองได้โดยง่าย เรียกได้ว่าเป็นการรวมทีมอเวนเจอร์ในการสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมาเลยก็เป็นได้ ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจจะช่วยคุณได้มากตั้งแต่การหาลูกค้า การขาย การเข้าใจตลาดและการเข้าใจคู่แข่งทางการตลาด เป็นต้น

บทความนี้ขออุทิศให้กับมนุษย์เงินเดือนทุกๆท่าน เพื่อให้แนวคิดข้อคิด กับมนุษย์เงินเดือนด้วยกันทุกคนครับ ผมเคารพในการงานและพื้นฐานอาชีพของทุกคนเสมอ ความสำเร็จจะเสร็จๆได้ถ้าเริ่มลงมือทำนะครับ

ขอขอบพระคุณที่มา : auinews.com/5052