จากกรณีหวย 30 ล้านบาท
ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากมีหวยตกจริง
อาจมีกล้องรถยนต์ที่สามารถเก็บภาพขณะเกิดเหตุไว้ได้ ซึ่งสังคมก็สงสัยว่า
โอกาสที่กล้องจะสามารถจับภาพได้นั้นจะอยู่ในระยะใด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี
ได้จำลองเหตุการณ์ลอตเตอรี่ตก ด้วยการถือสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบชุดละ 5 ใบ
มายืนห่างจากจุดติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์ ประมาณ 3 เมตร โดยจำลองเหตุการณ์ 2
รูปแบบ คือ จำลองสลากตกช่วงแสงแดดจ้าและช่วงแสงธรรมชาติ
โดยทั้ง
2 รูปแบบ ภาพที่สามารถบันทึกได้ แสดงให้เห็นใบหน้า
รูปลักษณ์ของทีมข่าวอย่างชัดเจน เห็นพฤติกรรมของผู้เก็บเลขได้ครบถ้วน
รวมทั้งสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถือในมือหรือตกอยู่
แต่ไม่สามารถเห็นรายละเอียดบนสลากได้ว่าเป็นเลขอะไร
จากนั้นทีมข่าวได้ทดลองขยายดูภาพในโปรแกรมสำหรับกล้องติดรถยนต์โดยเฉพาะ
ซึ่งสามารถซูมได้ 2 เท่า ซึ่งภาพที่ได้คือ พบว่าภาพค่อนข้างแตก
และไม่สามารถเห็นเลขบนสลากได้
น.ส.กมลพร
หวังเจริญ ผู้จัดการร้านติดตั้งและจำหน่ายกล้องรถยนต์
เปิดเผยหลังการทดลองว่า กล้องที่ใช้ทดลอง คือกล้องแบบ 2K มีความละเอียดสูง
ขนาดภาพ 2048คูณ1080 พิกเซล โดยเป็นกล้องที่ดีที่สุดในร้าน
และถือว่าเป็นระดับความละเอียดที่สูงสุดในท้องตลาดตอนนี้
ซึ่งเลนส์และชิปภายในมีคุณภาพสูงสุด
แต่ก็ยังไม่สามารถบันทึกภาพรายละเอียดบนสลากได้
กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติเห็นรายละเอียดในระยะ 2-5 เมตร
โดยสามารถบอกรายละเอียดบุคคล ทะเบียนรถได้ชัดเจน
แต่ด้วยสลากเป็นวัตถุที่ค่อนข้างเล็ก
จึงเชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่มีคนทำสลากตกจริง
คาดว่าอาจจะเก็บภาพได้เพียงรายละเอียดของเหตุการณ์ แต่มั่นใจ 1
ล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ไม่สามารถบอกรายละเอียดบนสลากได้
หากสลากนั้นไม่ได้ตกลงบนกระจกหน้ารถยนต์
ขณะ
เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ"
ทนายความร.ต.ท.จรูญ วิมูล ได้ออกมาโพสต์ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่น้อง
หลายคนที่ชี้แนะให้คำปรึกษา พร้อมทั้งแชร์ความเห็นจากเฟซบุ๊กของ "Subpatpoj
Patr Nitisasathorn" ซึ่งมองว่า หากศาลประทับรับฟ้องทั้ง 2 คดี ก็คือ
คดีที่ครูปรีชา ใคร่ครวญฟ้องลุงจรูญ ฐานยักยอกทรัพย์
และคดีที่ลุงจรูญฟ้องครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช ฐานเบิกความเท็จ
จะทำให้คดีเกิดความย้อนแย้งกัน
โดย
นายษิทรา เปิดเผยว่า ตนเองโชคดีที่มีพี่ๆ น้องๆ แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์
ซึ่งบางคนอาจเห็นต่างกันไป โดยตนเองรับฟังความเห็นของทุกคน
ซึ่งทนายคนดังกล่าว คงมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ลุงจรูญฟ้องครูปรีชา
เจ๊บ้าบิ่น เจ๊พัช ว่าเบิกความเท็จ แต่ตนเองก็รับฟังข้อเสนอแนะ
และขอบคุณที่ออกมาแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม จะไม่ถอนฟ้องอย่างแน่นอน
เนื่องจากก่อนที่จะฟ้องครูและพวก ตนได้คิดวิเคราะห์ รวมถึงได้ประชุมทีมงาน
และปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ จนมีความมั่นใจว่า
หากฟ้องแล้วจะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงตัดสินใจฟ้อง
ดังนั้นเรื่องที่มีทนายออกมาเตือนว่า หากศาลรับฟ้องทั้ง 2 คดี จะขัดแย้งกัน
ทำคดีให้ยุ่งเหยิง ตนมองว่า ถ้าศาลรับฟ้องทั้ง 2 คดี ก็อาจจะดูแปลกๆ
ประชาชนก็จะสับสนว่าใครจริง หรือใครปลอมกันแน่ คิดว่าเป็นศาลเดียวกัน
คงจะวินิจฉัยอย่างรอบคอบ
รวมถึงคิดว่าผู้พิพากษาจะดำเนินการด้วยความยุติธรรม
ขณะเดียวกัน
ทนายษิทรา ยืนยันกับทีมข่าวว่า การฟ้องนั้น ตนตัดสินใจทำไปแล้ว
และคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การฟ้องมีผลดีมากกว่าผลเสีย
ซึ่งไม่ใช่ผลดีเรื่องกฎหมายอย่างเดียว ยังมีเรื่องอื่นด้วย
แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
แต่ไม่ใช่ฟ้องเพื่อเป็นการข่มขู่พยานอย่างแน่นอน ทนายษิทราเปิดเผยอีกว่า
ไม่รู้จักทนายคนที่โพสต์ เป็นการส่วนตัว
แต่ชอบเข้าไปอ่านข้อคิดเห็นของทนายท่านนี้ในเฟซบุ๊ก
และขอขอบคุณที่ทนายท่านนี้ที่แสดงความเห็นเรื่องหวย 30 ล้าน
ด้านนายวรยุทธ
บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยด้วยว่า
คนที่แสดงความเห็นน่าจะมั่วไปหน่อย ศาลมีความรู้ทางด้านกฎหมาย
ไม่มีทางที่ศาลจะประทับรับฟ้องทั้ง 2 คดี เพราะความจริงมีเพียง 1 เดียว
หากศาลรับฟ้องอีกคดี ก็ต้องยกอีกคดี
อย่างเช่นเมื่อไต่สวนและพิสูจน์ได้ว่าครูเป็นเจ้าของหวย
ศาลรับฟ้องคดีที่ครูปรีชาฟ้องอาญาลุงจรูญ ฐานยักยอกทรัพย์
และจะยกฟ้องคดีที่ลุงจรูญฟ้องครูกับพวกเรื่องเบิกความเท็จดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ศาลจะรับฟ้องทั้ง 2 คดี
รับชมวิดีโอได้ที่นี่
VVVV
VVV
VV
V